ส่องต่างด้าวโหดเหี้ยม…กันไว้ดีกว่าแก้
ตีพิมพ์ครั้งแรก หนังสือพิมพ์เสียงสาคร ฉบับประจำเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2557
การดำเนินงานศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) จังหวัดสมุทรสาคร ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2557 ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ (ณ วันที่ 2 สิงหาคม 2557) พบว่ามีแรงงานต่างด้าวและผู้ติดตามขึ้นทะเบียนรวมกว่า 6.7 หมื่นคน โดยพบว่ามีสัญชาติพม่ามากที่สุด 4.7 หมื่นคน กัมพูชา 1.1 หมื่นคน และลาว 8.4 พันคน แต่ก็ได้มีการขยายเวลาการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว เฉพาะจังหวัดสมุทรสาครไปสิ้นสุดในวันที่ 31 ตุลาคม 2557 นี้
ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ร.ต.ท.อาทิตย์ บุญญะโสภัต เปิดเผยว่า ยังมีแรงงานต่างด้าวที่ยังไม่มาขึ้นทะเบียนอยู่อีกประมาณ 3-4 หมื่นคน ซึ่งทางจังหวัดจะเร่งเอกซเรย์พื้นที่ เพื่อนำแรงงานใต้ดินออกมาขึ้นทะเบียนให้หมด โดยได้สั่งการให้จัดหางานจังหวัดสมุทรสาคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์ พร้อมกดดันให้แรงงานต่างด้าวที่ยังหลบซ่อนอยู่มาขึ้นทะเบียนตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
แม้การจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวดูเหมือนว่าจะยังเป็นไปอย่างมีกิจจะลักษณะ โดยเฉพาะข้อกำหนดที่ว่าไม่สามารถไปทำงานอิสระได้ อาทิ ไปค้าขาย หรือไปแย่งอาชีพสงวนของคนไทย แต่ในด้านพฤติกรรมของแรงงานต่างด้าว โดยเฉพาะการใช้ความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นกับคนพม่าด้วยกันเอง หรือแม้กระทั่งคนพื้นที่ซึ่งเป็นคนไทย เป็นสิ่งที่หน่วยงานด้านความมั่นคงพึงต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง
เริ่มจากมีผู้ร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสมุทรสาคร ระบุว่ามีกลุ่มแรงงานชาวพม่ากว่า 100 คน พาก่อเหตุรุมทำร้ายชายวัย 29 ปี ชาวตำบลท่าฉลอม บริเวณโครงการบ้านเอื้ออาทร สมุทรสาคร (ท่าจีน) เมื่อวันที่ 20 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยมีท่อนเหล็ก อาวุธมีด และก้อนหินขนาดใหญ่ ที่ใช้ทุบใบหน้าผู้ตายจนใบหน้าเละ การก่อเหตุโหดร้ายลักษณะนี้มีแล้วหลายครั้ง โดยเฉพาะที่ ต.ท่าฉลอม เมื่อก่อนหน้าประมาณ 1 เดือนเศษ แรงงานยังได้ก่อเหตุปาดคอคนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างจนเสียชีวิต ที่ริมถนนบริเวณใกล้หน้าร้าน เทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส วงเวียนท่าฉลอมด้วย ซึ่งยังไม่สามารถตามจับได้
ผู้ร้องเรียนกล่าวว่า แม้ผู้ตายก่อนหน้าจะมีพฤติกรรมดีหรือเป็นคนไม่ดี แรงงานต่างด้าวก็ไม่มีสิทธิ์จะลงฆ่าอย่างโหดเหี้ยมกับใครทั้งนั้น ขณะที่พื้นที่จังหวัดสมุทรสาครนั้นมีแรงงานจำนวนมาก จึงเข้าร้องเรียนเพื่อขอให้เจ้าหน้าที่รัฐเร่งหามาตรการอย่างใดอย่างหนึ่งดำเนินการควบคุมพฤติกรรมแรงงานข้ามชาติอย่างชัดเจน โดยก่อนหน้านี้ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ คสช. และสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย เพื่อขอให้กำหนดออกมาตรการควบคุมพฤติกรรมดังกล่าว ป้องกันความปลอดภัยแก่ประชาชนอย่างเคร่งครัดมิให้เกิดเหตุต่างๆ
ย้อนกลับไปเมื่อสองเดือนก่อน ชาวพม่าร่วมกันทำร้ายร่างกายชาวพม่าด้วยกัน ในซอยกองพนันพล บางน้ำจืดจนเสียชีวิต ก่อนที่จะยัดศพใส่ถังน้ำพลาสติกพีวีซี พร้อมมีผ้าคลุมท่อนบนไว้ จากนั้นได้เรียกรถแท็กซี่ว่าจ้างให้ไปส่งยังเขตแสมดำ กรุงเทพฯ โดยนำถังน้ำพีวีซีใส่ไว้ท้ายรถ จ่ายค่าโดยสารตามปกติ ก่อนจะทำทีเป็นโทรศัพท์อยู่ครู่หนึ่ง แล้วลงจากรถ ก่อนที่เดินเข้าซอยไปอย่างรวดเร็วหลบหนีไป แม้จะสามารถจับกุมคนร้ายได้ แต่ก็สร้างความผวาให้ผู้พบเห็นไม่น้อย
การสอดส่องพฤติกรรมแรงงานต่างด้าวเป็นสิ่งที่เชื่อว่าหน่วยงานด้านความมั่นคง ทั้งตำรวจ ทหาร และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว แต่ก็ไม่เป็นที่ชัดเจนในทางปฏิบัติมากนัก และยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่ยังไม่มีการปราบปรามจับกุมแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย จึงอาจเป็นช่องให้แรงงานเหล่านี้อยู่นอกสายตาเจ้าหน้าที่ เป็นเหตุให้ก่ออาชญากรรมต่อผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะคนไทยขึ้นมาได้
จึงขอฝากให้หน่วยงานด้วยความมั่นคงอำนวยความมั่นคงปลอดภัยแก่ชาวสมุทรสาครในระยะนี้ ในช่วงที่แรงงานต่างด้าวกำลังถูกจัดระเบียบด้วยมาตรการที่ผ่อนคลายแต่มีช่องโหว่ ก่อนที่จะเกิดเหตุสะเทือนขวัญ โดยไม่อาจแยกแยะผู้ก่อเหตุได้ว่าใครเป็นใคร แล้วนำไปสู่วงจรอุบาทว์ทั้งวัวหายล้อมคอก และไฟไหม้ฟางเกิดขึ้นซ้ำซากขึ้นมาอีกครั้ง