“รถตู้ป้ายดำ” ควบคุมกันเอง!

ตีพิมพ์ครั้งแรก หนังสือพิมพ์เสียงสาคร ฉบับประจำเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ผมดูข่าวรถตู้ป้ายดำพุ่งตกลงมาจากทางด่วนแล้วไฟลุกท่วมเหลือแต่โครงเหล็ก เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ที่บริเวณถนนพระราม 6 หน้าโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย กรุงเทพฯ ซึ่งอยู่ใต้ทางด่วนศรีรัช (บางโคล่-แจ้งวัฒนะ) บริเวณทางลงพระราม 6 ซึ่งเป็นทางแยกรูปตัววาย (Y) มีผู้เสียชีวิตมากถึง 9 ศพแล้วก็รู้สึกตกใจ เพราะโดยส่วนตัวผู้เขียนเองต้องนั่งรถตู้ป้ายดำไปทำงานที่กรุงเทพฯ ทุกวัน และผมเชื่อว่าคุณผู้อ่านก็คงจะรู้สึกตกใจเช่นกัน

ที่เรียกกันว่ารถตู้ป้ายดำ เพราะสมัยก่อนป้ายทะเบียนรถยนต์แบบเก่าจะแบ่งออกเป็นสองสี ตัวหนังสือสีดำ ป้ายสีขาวตัวหนังสือสีดำเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ส่วนป้ายสีเหลืองตัวหนังสือสีดำเป็นรถรับจ้าง หรือรถโดยสารประจำทาง แต่ในปัจจุบันตัวหนังสือบนป้ายทะเบียนรถได้เพิ่มสีฟ้า และสีเขียวไปด้วย อย่างไรก็ตาม ชื่อเรียกของรถตู้ป้ายดำยังเรียกขานกันว่ารถตู้เถื่อน หรือรถตู้ผี เพราะไม่ได้จดทะเบียนถูกต้อง

เป็นที่ทราบกันดีว่า ในตัวเมืองมหาชัยมีรถตู้ป้ายดำให้บริการหลายสาย ที่นิยมมากที่สุดคือสายไปอนุสาวรีย์ชัย เพราะทุกเช้ารถเต็มเร็วทุกที แม้จะมีรถตู้ป้ายเหลืองที่ได้รับสัมปทานจาก บริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. ให้บริการในสายแม่กลอง จ.สมุทรสงคราม แต่คนที่นั่งรถตู้เป็นประจำยังรู้สึกคุ้นเคยว่า ที่นั่งเต็มถึงจะออก ไม่นับรวมรถตู้ที่ทำความเร็วได้มากกว่ารถถูกกฎหมาย ที่มักจะถูกตำรวจเพ่งเล็งเพื่อรีดไถระหว่างทาง แต่รถตู้ป้ายดำทราบจากคนขับที่ออกมายอมรับเองว่าได้เคลียร์กับตำรวจรายทางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการโดยสารรถตู้ป้ายดำก็คือ ค่าโดยสารที่รู้สึกว่าแพงเมื่อเทียบกับรถประจำทางธรรมดา แม้จะถึงที่หมายรวดเร็ว ยกตัวอย่างสายอนุสาวรีย์ชัย จากมหาชัยใช้เวลาเพียง 45 นาทีถึง 1 ชั่วโมง เทียบกับรถประจำทางที่ต้องต่อรถอีกจุดหนึ่ง กินเวลาถึง 3 ชั่วโมง นอกจากนี้ ในบางเส้นทางที่นั่งยังไม่เป็นมาตรฐาน เพราะรถบางคันยังบังคับให้ผู้โดยสารนั่งเบียดกันไปแถวละ 4 คนเพื่อให้คุ้มทุน

แต่รถตู้ป้ายดำที่นี่ก็ใช่ว่าจะละเลยข้อบกพร่องไปเสียหมด เมื่อไม่นานมานี้บริเวณท่ารถตู้ซอยบ้านเช่า ได้มีการติดประกาศที่แสดงให้เห็นว่ามีการควบคุมกันเอง สาระสำคัญก็คือ สายหมอชิตมีปัญหาลูกค้าน้อยลง (หลังจากรถตู้ถูกกฎหมายสายแม่กลองเปิดท่ารถกันถึงด้านในหมอชิต 2 ขณะที่รถตู้ป้ายดำอยู่ฝั่งตรงข้าม ต้องเดินข้ามสะพานลอย) จึงออกมาตรการให้ตรวจสภาพรถทุกคัน แอร์ต้องเย็น คันไหนเก่าไม่ให้วิ่งรับผู้โดยสาร

ส่วนสายอนุสาวรีย์ชัย ก็มีการตักเตือนห้ามขับรถด้วยความเร็ว 110 กม./ชม. และห้ามขับรถในลักษณะหวาดเสียว นอกจากนี้ยังห้ามนำรถไปจอดในซอยบ้านเช่า รวมทั้งบริเวณหน้าศาลจังหวัด (เข้าใจว่าคงโดนด่ามาเยอะ) ส่วนสายพาต้าปิ่นเกล้ามีปัญหารถออกช้า ก็มีการพูดถึงทำนองว่า ต้องให้รถรอคน ไม่ใช่คนรอรถ เพราะที่ผ่านมารถตู้สายพาต้ามีปัญหาผู้โดยสารเสียเวลารอเพราะรถตู้คันต่อไปจะเข้าท่านาน ส่งผลให้รถออกช้า

แม้รถตู้ป้ายดำจะขึ้นชื่อว่าไม่มีมาตรฐานด้านความปลอดภัย รวมทั้งยังผิดกฎหมาย พ.ร.บ.การขนส่ง พ.ศ. 2522 มาตรา 39 และมีโทษตามมาตรา 137 แต่ผมเชื่อว่าเสียงสะท้อนจากชาวบ้านที่ใช้บริการรถตู้เป็นประจำ มีส่วนช่วยทำให้รถตู้เหล่านั้นมีความตื่นตัวมากขึ้น หวังว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับรถตู้ป้ายดำสายปากน้ำ-หมอชิตใหม่ จะทำให้หันมาใส่ใจความปลอดภัยทั้งเรื่องความเร็ว โดยเฉพาะบนทางด่วนที่จะซิ่งเป็นประจำ

รวมถึงเรื่องถังก๊าซเอ็นจีวีที่เกือบทุกคันมักจะติดอยู่ใต้เบาะหลังของรถตู้ ผมรู้สึกเสียวจริงๆ แม้จะต้องทนนั่งเพื่อให้ถึงที่หมาย ความรู้สึกมันไม่ต่างอะไรไปจากนั่งอยู่ใต้ทุ่นระเบิดขนาดย่อมๆ เลยทีเดียว

(อ่านคอลัมน์วงเวียนน้ำพุย้อนหลัง และร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่เว็บไซต์ www.sakhononline.com คลิกที่ คอลัมนิสต์ออนไลน์ เลือก วงเวียนน้ำพุ)



แสดงความคิดเห็น


เงื่อนไขในการแสดงความคิดเห็น
• กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำที่สุภาพ โปรดงดเว้นการใช้คำหยาบคาย ส่อเสียด ดูหมิ่น กล่าวหาให้ร้าย สร้างความแตกแยก หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
• การลบความคิดเห็น ที่ไม่เหมาะสม สามารถกระทำได้ทันที โดยไม่ต้องมีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
• ทุกความคิดเห็นไม่เกี่ยวข้องกับผู้ดำเนินการเว็บไซต์ และไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้

เรื่องก่อนหน้า-ย้อนหลัง