เมื่อไม่นานมานี้ รัฐมนตรีคลัง กรณ์ จาติกวณิช เดินทางมาพบปะประชาชนใน จ.สมุทรสาคร ในช่วงระหว่างเดินทางมาตรวจราชการเกี่ยวกับโครงการธนาคารประชาชนในพื้นที่ ว่ากันว่างานนี้ทำเอาแม่ค้ากรี๊ดลั่นตลาด ในความสูงยาวเข่าดี และใบหน้าอันหล่อคมของรัฐมนตรีคนนี้ ทำเอา ส.ส.ประชาธิปัตย์ในพื้นที่อย่าง “ครรชิต ทับสุวรรณ” และ “น.ต.สุธรรม ระหงษ์” ได้รับอานิสงส์ไปตามๆ กันด้วย

แต่ใครจะเชื่อว่า ในความเงียบงันของกลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่ หลังจากมาตรการขอคืนพื้นที่ และกระชับวงล้อมของรัฐบาล ทำให้เหตุการณ์เป็นที่ยุติลง แต่ถึงกระนั้น ส.ส.เพื่อไทยหนึ่งเดียวในพื้นที่เฉกเช่น ”มณฑล ไกรวัตนุสรรณ์” หรือ “เฮียม้อ” อดีต รมว.พาณิชย์วัย 71 ปีคนนี้ เขายังดำเนินกิจกรรมทางการเมืองเป็นผู้แทนนิติบัญญัติ ในฐานะ ส.ส.สมุทรสาคร โดยมีสามบุตรชายที่เป็นหัวหอกสำคัญทางการเมืองเคลื่อนไหวอย่างเงียบๆ จนผิดสังเกต

การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงในช่วงที่ผ่านมา เป็นที่โจษจันไปทั่วว่า น้องสาวของเฮียม้ออย่าง “เจ๊เอียง” หรือ “กัญญามาศ ไกรวัตนุสรรณ์” เจ้าของร้านอาหารหนึ่งคลองสองทะเล ย่านถนนสหกรณ์ เป็นผู้ให้การสนับสนุนในนาม “เสื้อแดงสมุทรสาคร” มาตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งตัวเธอเป็นคนที่ชื่นชอบ “จักรภพ เพ็ญแข” อดีตแกนนำ นปช.ที่หลบหนีคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอยู่ในต่างประเทศ

หากแต่หลังจากที่ทางการเพ่งเล็งนางกัญญามาศเป็นพิเศษ ทำให้ภายหลังเจ้าตัวได้หายหน้าไปจากความเคลื่อนไหว โดยมี นางจินตนา เปลี่ยนคารม และนายสำเนียง ไชยเดช รวมทั้ง จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ผบ.หมู่ ป.ภจว.สมุทรสาคร รับไม้ต่อจากเจ๊เอียงเคลื่อนไหวภายใต้ชื่อ “มหาชัย 53” ซึ่งขึ้นตรงกับนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย

ขณะเดียวกันยังมีแหล่งข่าวในพื้นที่ระบุว่า เฮียม้อแสดงความไม่พอใจที่เจ๊เอียงเคลื่อนไหวทางการเมือง เนื่องจากจะกระทบกับฐานเสียงในตลาดมหาชัย ที่ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง และมีฐานเสียงผสมกลมกลืนกันระหว่าง “เฮียม้อ” กับ “เอนก ทับสุวรรณ” อดีต ส.ส.สมุทรสาคร ที่ปัจจุบันส่งบุตรชายอย่างครรชิตมาโกยคะแนนเสียงโดยใช้กระแสพรรคประชาธิปัตย์เป็นหลัก

หากกล่าวถึงบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของเฮียม้อ ณ ปัจจุบันนี้เราจะเห็นความเคลื่อนไหวทางการเมืองแตกต่างกันไป ที่โดดเด่นที่สุดก็คงจะเป็น “เฮียตุ่น” อุดร ไกรวัตนุสรณ์ บุตรชายคนโต ที่ดำรงตำแหน่งนายกฯ อบจ.สมุทรสาคร ซึ่งมีสายสัมพันธ์อย่างเหนียวแน่นกับผู้ว่าฯ ข้าราชการ รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ นอกจากนี้การขยันทำผลงานและประชาสัมพันธ์บ่อยครั้ง ยังคงส่งผลให้กระแสทางการเมืองของตระกูลไกรวัตนุสรณ์ยังคงไม่หายไปไหน

หรือจะเป็น “ปลัดแต” อุดม ไกรวัตนุสสรณ์ บุตรชายคนกลาง อดีต ส.ส.บ้านแพ้วสังกัดพรรคไทยรักไทย หลังจากที่ตนเองถูกศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี ซึ่งจะพ้นโทษตัดสิทธิ์ในช่วงกลางปี 2555 เขาเลือกที่จะเข้าไปมีบทบาทอยู่ในสมาคมต่างๆ ในจังหวัด ได้แก่ สมาคมกีฬาจังหวัดสมุทรสาคร หอการค้าจังหวัดสมุทรสาคร รวมทั้งชมรมสวนกุหลาบสมุทรสาคร

ในช่วงการเมืองร้อนที่ผ่านมา เขาสามารถใช้บทบาทในฐานะประธานหอการค้ากุมสภาพบรรยากาศทางการเมืองในจังหวัดได้เป็นอย่างดี ทำให้จังหวัดไม่มีชื่ออยู่ในพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในภายหลัง แม้จะอ้างว่าผู้บริหารจังหวัด ไม่นิยมแสดงออกทางการเมืองด้วยการจัดม็อบก็ตาม แต่สังเกตได้ชัดในช่วงม็อบหลากสีกระหึ่มเมือง ก็ใช้ชมรมสวนกุหลาบสมุทรสาครเป็นเครื่องมือติดป้ายธรรมะราวกับหาเสียง เหมือนในช่วงกระแสทักษิณขาลง

บุตรชายอีกคนอย่าง “เฮียต่อ” อนุสรณ์ ไกรวัตนุสสรณ์ อดีต ส.ส.สมุทรสาคร ในขณะนี้ก็เป็นที่น่าสังเกตว่า ไม่ว่าจะมีงานบุญงานกุศลที่ไหน หรือใครจะเป็นเจ้าภาพ ก็มักจะพบเห็นเขาร่วมอยู่ด้วย พยายามลงพื้นที่พบปะและสวัสดีแขกที่มาร่วมงาน ซึ่งแม้จะถูกมองว่าเป็นวิธีขอคะแนนแบบเดิมๆ ที่เราเคยพบเคยเห็นตั้งแต่อดีต หากแต่ที่ผ่านมาเราไม่ค่อยได้พบเห็น ส.ส.ของอีกฝ่ายลงพื้นที่ จึงอาศัยจังหวะในช่วงดังกล่าวทำความคุ้นเคยกับฐานเสียงเอาไว้

อย่างไรก็ตาม ในความเงียบงันของตระกูลไกรวัตนุสสรณ์ ช่วงหนึ่งเคยทำเอากระแส “เสื้อน้ำเงิน” ดังกระหึ่มมาแล้ว ด้วยสารพัดข่าวลือที่ระบุว่า ตระกูลไกรวัตนุสสรณ์จะหอบกระเป๋าย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทย ของนายเนวิน ชิดชอบ ซึ่งกุมหัวหาดกระทรวงเกรดเออย่างเช่นมหาดไทย คมนาคม และพาณิชย์ในรัฐบาลชุดนี้

ภายหลังจึงมีการแก้เกมด้วยการติดป้ายไวนีลนโยบาย “ล้างหนี้ให้ประเทศ” ของพรรคเพื่อไทย บริเวณถนนนิคมรถไฟ โดยระบุชื่อ ส.ส.มณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ แบบชัดเจนเต็มตา เพื่อสยบข่าวลือ รวมทั้งการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายมณฑลถือเป็นหนึ่งใน 186 เสียง ที่ลงคะแนนไม่ไว้วางใจรัฐบาล เหมือนกับ ส.ส.พรรคเพื่อไทยทุกประการ โดยไม่มีการแหกมติพรรคแต่อย่างใด

ต้องจับตามองกันต่อไปถึงฤดูการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นอีกครั้งในปีหน้า จากกระแสในพื้นที่อย่างคงเส้นคงวาของตระกูลไกรวัตนุสสรณ์ ที่แม้จะไม่ใช่พื้นที่สีแดงเข้มข้นเฉกเช่นจังหวัดอื่นๆ แม้ว่ากระแสเสื้อสีจะเด่นชัดในตลาดมหาชัยก็ตาม แต่เพราะการเป็น ส.ส.ในพื้นที่ และอยู่ภายใต้ระบอบอุปถัมภ์ที่มีความอะลุ่มอล่วยระหว่างนักการเมืองกับพ่อค้า อย่างน้อยที่สุดเราอาจจะได้เห็นตระกูลไกรวัตนุสสรณ์มีที่ยืนทางการเมืองอยู่บ้าง ด้วยวิถีทางการเมืองแบบเจ็บตัวน้อยที่สุดนั่นเอง

• ทีมข่าวการเมือง / รายงาน •