คลิปเป็นเรื่อง

ตีพิมพ์ครั้งแรก หนังสือพิมพ์เสียงสาคร ฉบับประจำเดือนมีนาคม พ.ศ. 2557

เมื่อช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีการเผยแพร่วีดีโอคลิปในเว็บไซต์ยูทิวบ์ ระหว่างรถพ่วง 18 ล้อ ที่ขับแข่งกับรถกระบะบนถนนสายหนึ่ง โดยมีการขับปาดกันอย่างน่าหวาดเสียว ก่อนที่รถพ่วงจะขับเบียดรถกระบะคันคู่กรณีตกถนนแล้วหลบหนีไป ต่อมา พล.ต.ต.พงษ์สิทธิ์ แสงเพชร ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง เปิดเผยว่า เบื้องต้น จากการตรวจสอบทราบว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นใน ต.นาโคก อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร ท้องที่ของ สภ.บางโทรัด

โดยรถทั้งสองคันได้มีการขับแข่งและปาดหน้ากันมาตามถนนพระราม 2 ขาออก เป็นระยะทางกว่า 6 กิโลเมตร ก่อนที่รถกระบะจะถูกรถพ่วงปาดจนเสียหลักตกถนน ก่อนที่จะได้สั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเร่งตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด ต่อมาผู้บังคับการตำรวจทางหลวงได้จับกุมคนขับรถบรรทุกสิบล้อได้แล้ว โดยให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ขับขี่รถพ่วงตามที่ปรากฎในวีดีโอคลิปดังกล่าวจริง ด้วยความคึกคะนอง เพราะมีรถกระบะขับปาดหน้าปาดหลัง และคงเป็นเพราะเห็นคนในรถกระบะทำท่าจะหยิบของบางอย่าง เกรงว่าจะเกิดอันตราย จึงตัดสินใจขับเบียดรถกระบะคันดังกล่าว

ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง เปิดเผยแนวทางการสืบสวนสอบสวนว่า จากจุดสังเกตตอนท้ายรถพ่วงทั้งหมด 6 จุด พบว่ามีเสาผูกริบบิ้นข้างซ้ายเเละข้างขวา กระบะท้ายคานบนสุดช่องที่ 2 จากซ้ายมีรอยบุบเเตกบิดเบี้ยว ติดป้าย “รถพ่วง” ตำเเหน่งป้ายทะเบียน ติดโลโก้บริษัท เเละขนาดกันชนหลังสะท้อนเเสง ทำให้ทราบว่ารถบรรทุกคันดังกล่าว เป็นของห้างหุ้นส่วนจำกัดแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ใน ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร จึงได้เชิญตัวคนขับรถมาสอบสวน

เหตุการณ์นี้เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่เกิดจากการเผยแพร่และส่งต่อวีดีโอคลิป ซึ่งทุกวันเราจะมีวีดีโอคลิปถูกนำขึ้นบนอินเตอร์เน็ตเป็นจำนวนนับล้านชิ้น แต่จะมีอยู่ไม่กี่ชิ้นที่มีความโดดเด่น เป็นเรื่องราวที่มีผลกระทบในชีวิตประจำวัน ถูกนำไปเป็นประเด็นตีแผ่และส่งต่อกันราวกับไฟลามทุ่ง นำไปสู่การแก้ไขหรือปรับเปลี่ยนบางสิ่งบางอย่างที่เห็นว่าไม่ถูกต้องให้เกิดขึ้นในสังคมได้ เพราะการถ่ายวีดีโอคลิปเพียงแค่ไม่กี่นาที หรือการแชร์ภาพ ทุกวันนี้คนไทยมีโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนนับล้านเครื่อง ทุกคนสามารถหยิบวีดีโอมาถ่ายคลิปแบบสั้นๆ แล้วนำไฟล์วีดีโอขึ้นเว็บไซต์ เช่น ยูทิวบ์ ก่อนที่จะเผยแพร่และส่งต่อผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น เฟซบุ๊กได้ หรือหากบ้านใครมีกล้องวงจรปิดก็สามารถนำภาพที่ได้มาเผยแพร่ต่อได้ คดีอาชญากรรมหลายคดีทุกวันนี้ต้องพึ่งพากล้องวงจรปิด หรือผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายคลิปในช่วงเวลาที่เกิดเหตุ จึงจะสามารถนำไปขยายผลเพื่อคลี่คลายคดีได้

ไม่ใช่แค่เรื่องการขับรถหวาดเสียวบนทางหลวงที่เราพบเห็นเท่านั้น เรื่องอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันเมื่อเราพบเห็นเราสามารถที่จะถ่ายคลิปหรือภาพนิ่งแล้วนำมาบอกต่อผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์อื่นๆ ได้ เช่น เกิดอุบัติเหตุ หรือสถานการณ์น้ำท่วมว่าตรงจุดไหนระดับน้ำเท่าไหร่ เพราะทุกวันนี้หากเป็นสำนักช่าวในส่วนกลางก็มักจะเปิดรับเรื่องนี้อยู่ หากเป็นประเด็นน่าสนใจ แปลกใหม่ และมีผลกระทบ สื่อจะนำเสนอหรืออาจต่อยอดสัมภาษณ์บุคคลบที่เกี่ยวข้องกับปัญหา และหากมีสัญญาณที่ดีก็อาจจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที

อย่างไรก็ตาม การใช้เทคโนโลยีหากนำไปใช้ในทางที่ผิด เช่น แสวงหาผลประโยชน์อันมิควรได้ หรือการกระทำบางอย่างที่หมิ่นเหม่ต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดี แม้จะมีหน่วยงานของรัฐทำหน้าที่คัดกรองเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม แต่ข้อจำกัดในเรื่องข้อกฎหมายก็ยังมีอยู่หากมีใครสักคนเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง

เราจะพบได้จากคลิปการกระทบกระทั่งกัน คลิปการแสดงพฤติกรรมทั้งการพูดจาหยาบคาย การกล่าวหาผู้อื่นโดยไร้มูลความจริง แม้กระทั่งการอัดวีดีโอคลิปในพฤติการณ์ไม่เหมาะสมสำหรับเด็กและเยาวชน เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดของคนที่ถ่ายภาพหรือวีดีโอ ก็คือ อย่าทำอะไรที่ผิดกฎหมาย สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น เพราะผลสะท้อนกลับมาบนโลกอินเตอร์เน็ตรุนแรงกว่าที่คิด และหากเรื่องถึงหูหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็อาจทำให้เกิดเรื่องฉาวโฉ่ขึ้นมาอีกก็ได้



แสดงความคิดเห็น


เงื่อนไขในการแสดงความคิดเห็น
• กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำที่สุภาพ โปรดงดเว้นการใช้คำหยาบคาย ส่อเสียด ดูหมิ่น กล่าวหาให้ร้าย สร้างความแตกแยก หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
• การลบความคิดเห็น ที่ไม่เหมาะสม สามารถกระทำได้ทันที โดยไม่ต้องมีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
• ทุกความคิดเห็นไม่เกี่ยวข้องกับผู้ดำเนินการเว็บไซต์ และไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้

เรื่องก่อนหน้า-ย้อนหลัง