“วันท้องถิ่นไทย” เพื่อใครกันเล่า?
ตีพิมพ์ครั้งแรก หนังสือพิมพ์เสียงสาคร ฉบับประจำเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
ในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ จังหวัดสมุทรสาครได้มีโอกาสจัดเทศกาลครั้งใหญ่ประจำปี เพื่อต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง และส่งเสริมการท่องเที่ยว คืองานเทศกาลอาหารทะเลสมุทรสาคร ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 10 แล้ว อีกหนึ่งงานที่จัดตามมาติดๆ ก็คือ งาน 18 มีนาฯ วันสุขาภิบาลท่าฉลอม
ปรากฏว่าปีนี้ถูกเปลี่ยนไปเป็นชื่อ “วันท้องถิ่นไทย” กันหน้าตาเฉย
เมื่อปีที่แล้วมีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2553 ในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กำหนดให้วันที่ 18 มีนาคมของทุกปี เป็นวันท้องถิ่นไทย ตามที่กระทรวงมหาดไทย จากพรรคภูมิใจไทยเป็นผู้เสนอ เหตุผลก็ อ้างว่ารัฐบาลปัจจุบันได้ให้ความสำคัญกับการกระจายอำนาจให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปโน่น ที่ผ่านมาของทุกปีทาง จ.สมุทรสาครได้แจ้งว่าได้กำหนดจัดงานประเพณี 18 มีนาคม สุขาภิบาลท่าฉลอม โดยมีจุดกำเนิดมาจากการที่สุขาภิบาลท่าฉลอม เป็นสุขาภิบาลแห่งแรกของประเทศไทย และมีการจัดงานเป็นประจำทุกปี จึงมีแนวคิดเสนอว่า ทุกวันที่ 18 มีนาคมควรเป็นวันท้องถิ่นไทย เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่ทรงมีต่อการปกครองส่วนท้องถิ่นไทย
ผมไม่รู้ว่าในช่วงที่ผ่านมา เราเคยให้ความสำคัญกับสุขาภิบาลหัวเมืองแห่งแรกเป็นประจำทุกปีหรือไม่ แต่ผมจำได้ลางๆ ว่างานใหญ่สำหรับท่าฉลอมในคราวนั้นก็คือ 100 ปี สุขาภิบาลท่าฉลอม ซึ่งจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เมื่อปี 2548 จุดขายในคราวนั้นก็คือ การแสดง แสง สี เสียง และสื่อผสม เรื่อง “100 ปี เฉลิมฟ้าท่าฉลอม สุขาภิบาลแห่งแรกในประเทศไทย” บริเวณด้านหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ ในช่วงนั้นยอมรับว่าเป็นการแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจ กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ท่าฉลอมจัดงานรำลึกสุขาภิบาลท่าฉลอมเป็นเทศกาลประจำทุกปี
อันที่จริงการที่คณะรัฐมนตรีกำหนดวันท้องถิ่นไทยขึ้นมา เป็นเรื่องที่ดีและเห็นควรส่งเสริม หากจะใช้วันดังกล่าวเป็นวันที่ทำให้คนในชาติได้เน้นย้ำความสำคัญของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แต่สิ่งที่ผมไม่เห็นด้วยอย่างแรงก็คือ การเอาวันท้องถิ่นไทยไปปะปนกับการรำลึกสุขาภิบาลท่าฉลอม ซึ่งผมเกรงว่าอาจทำให้ความสำคัญของท่าฉลอม ในฐานะที่เมื่อก่อนเป็นสุขาภิบาลหัวเมืองแห่งแรก ถูกมองข้ามหรือลดทอนลงไป กลายเป็นการพูดถึงการปกครองส่วนท้องถิ่นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 โดยภาพรวมมากกว่า ซึ่งผมก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันไม่ได้เข้ากันดีอยู่แล้ว
ฟังวัตถุประสงค์การจัดงานจาก นายวัลลภ พริ้งพงษ์ อดีตผู้ว่าฯ บ้านเราที่วันนี้เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ก็กล่าวถึงการจัดงานวันท้องถิ่นไทยว่า เพื่อให้สาธารณชนได้เห็นความสำคัญของการปกครองส่วนท้องถิ่น และเสริมสร้างขวัญและกำลังใจแก่ผู้บริหาร สมาชิกสภา ข้าราชการ พนักงาน และลูกจ้างในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ ภายในงานจะมีการจัดนิทรรศการหรือกิจกรรมเผยแพร่ผลงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดกิจกรรมสาธารณะประโยชน์และสาธารณะกุศล การจัดประชุมสัมมนาหรือเวทีสาธารณะเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้กับประชาชนและการพัฒนาท้องถิ่นตามนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงมหาดไทย การจัดกิจกรรมให้บริการประชาชนเพิ่มเติมจากที่เคยปฏิบัติเป็นประจำ และประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลผลงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอีกด้วย
ไม่อยากมองว่าเป็นกิจกรรมเรียกเสียงสนับสนุนทางการเมือง แต่ถ้าจะเผยแพร่แต่เรื่องการปกครองท้องถิ่น มากกว่าความเป็นท่าฉลอมเหมือนในทุกๆ ปี ไปจัดที่อื่นแยกต่างหากเลยดีกว่าไหม?
(อ่านคอลัมน์วงเวียนน้ำพุย้อนหลัง และร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่เว็บไซต์ www.sakhononline.com คลิกที่ คอลัมนิสต์ออนไลน์ เลือก วงเวียนน้ำพุ)