อสังหาริมทรัพย์ ‘สมุทรสาคร’ จะโตแบบไร้ทิศทาง?
ตีพิมพ์ครั้งแรก หนังสือพิมพ์เสียงสาคร ฉบับประจำเดือนมีนาคม พ.ศ. 2554
พักนี้สังเกตเห็นโครงการบ้านจัดสรรแห่ขึ้นป้ายโฆษณากันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง พร้อมกับกระแสข่าวที่ว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในโซนถนนพระราม 2 ถึงสมุทรสาครเวลานี้เฟื่องฟู ถึงขนาดมีผู้ประกอบการรายใหญ่จากส่วนกลางเข้าไปแข่งขันในย่านนี้เพิ่มเติม ซึ่งถือว่ามีความพร้อมทั้งแหล่งเงินทุนและเครื่องมือทางการตลาด จากที่ก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประกอบการในท้องถิ่นหรืออยู่นอกตลาดหลักทรัพย์
แต่เดิมพื้นที่ย่านถนนพระราม 2 ถึงสมุทรสาครเป็นทำเลที่ยังไม่ได้รับความสนใจ เนื่องจากการคมนาคมยังไม่สะดวกนัก มีเพียงผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในท้องถิ่นที่เน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นตลาดระดับกลางถึงล่าง ซึ่งมีแหล่งงานตามนิคมอุตสาหกรรมและโรงงานต่างๆ ในพื้นที่เป็นกำลังซื้อหลัก
แต่หลังจากที่ถนนพระราม 2 ถูกขยายเป็น 10 ช่องจราจร และการเปิดใช้ถนนวงแหวนรอบนอก บางขุนเทียน-สุขสวัสดิ์-บางพลี รวมทั้งมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงจากรังสิตไปถึงมหาชัยในอนาคต ทำให้เริ่มมีผู้คนจากกรุงเทพฯ ระดับกลางถึงล่างที่อยากมีบ้านเป็นของตัวเองหันมาซื้อที่อยู่อาศัยแถบนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ข้อดีในการซื้อบ้านอยู่ที่สมุทรสาครก็คือ ราคาที่ดินถูกกว่ากรุงเทพฯ ที่ติดกฎเหล็กพื้นที่ผังเมืองสีเขียว ห้ามก่อสร้างที่อยู่อาศัยหนาแน่นสูงอย่างทาวน์เฮ้าส์ สร้างได้เฉพาะบ้านเดี่ยว ซึ่งถือว่ามีข้อจำกัดในการพัฒนา แตกต่างจากพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครที่มีข้อจำกัดในการพัฒนาที่ดินน้อยลง ทำให้ราคาบ้านถูกลงตามไปด้วย รวมทั้งสภาพพื้นที่ยังคงความเป็นชานเมืองที่ไม่แออัดมากนักเมื่อเทียบกับฝั่งบางบัวทอง-นนทบุรี, รังสิต-ปทุมธานี หรือบางนา-บางปะกง
นอกจากนี้ พื้นที่สมุทรสาครซึ่งอยู่ใกล้กรุงเทพฯ มีจุดขึ้น-ลงทางด่วนเฉลิมมหานคร รวมทั้งถนนวงแหวนรอบนอก (ถนนกาญจนาภิเษก) จากทิศเหนือคือบางปะอิน-บางบัวทอง ไปภาคเหนือ-อีสาน ถึงทิศตะวันออกด้านบางนา-บางพลี ไปสนามบินสุวรรณภูมิและภาคตะวันออก รวมทั้งถนนกัลปพฤกษ์ต่อเนื่องไปยังย่านธุรกิจใจกลางกรุงเทพฯ เช่น ถนนสาทร ถนนสีลมอีกด้วย อาจเรียกได้ว่าการคมนาคมสะดวกสบาย และมีเส้นทางเชื่อมต่อหลากหลายกว่า
อย่างไรก็ตาม ความเจริญเติบโตดังกล่าวกำลังจะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของคนสมุทรสาครที่มีพื้นเพอยู่เดิมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สังเกตได้จากถนนพระราม 2 ในช่วงเช้าวันทำงาน นอกจากจะมีรถหนาแน่น เคลื่อนตัวได้สักพักก็ไปติดขัดแถวบางขุนเทียนก่อนขึ้นทางด่วนแล้ว ที่กลับรถใต้สะพานข้ามทางรถไฟ ต.บางน้ำจืด สำหรับรถที่มาจากซอยวัดพันท้ายนรสิงห์ ซึ่งด้านในมีโครงการบ้านจัดสรรหนาแน่น แต่ทางกลับรถเป็นคอขวด ก็สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าไม่แพ้กัน
ไม่นับรวมปัญหาสาธารณูปโภคอื่นๆ เช่น ปัญหาขยะมูลฝอย ที่หากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น เทศบาลหรือ อบต.ในพื้นที่จัดการไม่ดีก็จะส่งปัญหาขยะล้นพื้นที่ก็ว่าได้ หรือปัญหาถนนสายรองที่เชื่อมต่อจากถนนสายหลักอีกที แทบทุกสายยังเป็นถนนแบบ 2 ช่องจราจรสวนทาง ไม่เพียงพอกับปริมาณรถที่จะเข้ามาใช้เส้นทางอย่างต่อเนื่อง
พื้นที่เขตบางขุนเทียนหรือบางบอนซึ่งอยู่ติดกัน เพิ่งขยายถนนบางบอน 3 (ต่อจากซอยเพชรเกษม 69), ถนนบางบอน 5 (ต่อจากซอยเพชรเกษม 81) และถนนพรมแดน (ซอยเอกชัย 131 หรือพระราม 2 ซอย 100) เพิ่มอีก 2 ช่องจราจรแล้วเสร็จ ขณะที่บ้านเรา โดยเฉพาะทางหลวงชนบทสมุทรสาครยังไม่เห็นทำอะไรแม้แต่คิดโครงการจะขยับขยายกันเลย
เมื่อสมุทรสาครจะกลายเป็นเมืองที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับความเจริญจากกรุงเทพฯ ที่จะเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับเมืองอุตสาหกรรม ต้องรู้จักเตรียมการรองรับอนาคตให้มากกว่าที่เป็นอยู่ ไม่ใช่ในท้ายที่สุดก็แก้ปัญหาแบบลิงแก้แห เมื่อแออัดถึงค่อยมาขยับขยาย สะท้อนให้เห็นว่าผู้ใหญ่ในเมืองนี้ไม่มีวิสัยทัศน์ และมองไม่เห็นถึงอนาคตแต่อย่างใดเลย.
(อ่านคอลัมน์วงเวียนน้ำพุย้อนหลัง และร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่เว็บไซต์ www.sakhononline.com คลิกที่ คอลัมนิสต์ออนไลน์ เลือก วงเวียนน้ำพุ)