รถไฟปรับอากาศชั้น 2 ของดีที่ถูกมองข้าม

ตีพิมพ์ครั้งแรก หนังสือพิมพ์เสียงสาคร ฉบับประจำเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2554

ตั้งแต่ที่ผมไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนมัธยมในตลาดมหาชัย ช่วงชีวิตหนึ่งผมได้มีโอกาสไปเปิดหูเปิดตาในกรุงเทพฯ ด้วยตัวเอง สมัยนั้นยังไม่มีรถประจำทาง ขสมก.จากกรุงเทพฯ เข้ามาในตลาดมหาชัย ก็ได้รถไฟสายมหาชัย-วงเวียนใหญ่ ที่พอจะเป็นตัวช่วยได้ เพราะตอนนั้นไม่มีค่าขนมมากพอที่จะเสียค่ารถเมล์หรือนั่งรถตู้ป้ายดำได้ ปัจจุบันโตขึ้นในวัยทำงานแล้ว รถไฟก็ยังเป็นตัวเลือกในยามที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะค่าครองชีพที่สูงขึ้นเป็นเงาตามตัว

โดยปกติผมเป็นคนชอบขึ้นรถไฟที่สถานีตลาดพลูมากกว่าวงเวียนใหญ่ เพราะไม่ต้องเดินไกล ไม่ต้องขึ้น-ลงบันไดสะพานลอยให้ปวดขา แต่ในบางครั้งถ้ารถเมล์สายไปทางดาวคะนอง หรือไม่เข้าถนนที่แยกบางยี่เรือ ก็ต้องลงรถเมล์ที่วงเวียนใหญ่ ในบางครั้งสังเกตเห็นรถไฟบางขบวนมีขบวนรถปรับอากาศด้วย แต่ไม่เอะใจอะไร วันหนึ่งผมถามพนักงานบนรถไฟว่าจะนั่งขบวนปรับอากาศยังไง ก็ตอบแบบเสร็จสรรพ จากนั้นพาไปยังขบวนปรับอากาศแล้วก็เก็บค่าโดยสาร

ความรู้สึกหลังจากนั่งรถไฟปรับอากาศชั้น 2 ครั้งแรกในชีวิตหลังมองข้ามมานาน ยอมรับว่าสุขภาพจิตดีขึ้น แต่ก่อนนั่งรถไฟชั้น 3 แบบพัดลมตลอด นอกจากต้องเจออากาศร้อน มลภาวะ ฝุ่นละออง รวมทั้งละอองจากการเผาไหม้ของหัวรถจักรดีเซลรางจะทำให้เหนียวตัว และผมแห้งกรอบ เป็นที่หงุดหงิดรำคาญใจอย่างยิ่ง ภายในห้องโดยสารแม้เครื่องปรับอากาศจะไม่เย็นจัดมาก แต่ก็ช่วยคลายร้อนได้ แปลกใจอย่างเดียวตรงที่วันนั้นทั้งขบวนมีผู้โดยสารแค่ 3 คน

โดยความคิดเห็นส่วนตัว สิ่งที่ทำให้รถไฟโบกี้ปรับอากาศชั้น 2 สายมหาชัย-วงเวียนใหญ่ ไม่ได้รับความนิยม นอกจากเรื่องรถตู้แล้ว ส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าเวลาไหนถึงมีโบกี้ปรับอากาศบริการ รวมทั้งเห็นว่าจะขึ้นโบกี้นี้ต้องซื้อตั๋วให้ยุ่งยาก คิดว่าแพงกว่ารถเมล์หรือรถตู้ ไม่นับรวมเหตุผลลึกๆ เท่าที่ดูตารางการเดินรถนอกจากจะมีให้บริการน้อย เพียงวันละ 10 ขบวนแล้ว การจัดเวลาเดินรถยังไม่สอดคล้องกัน เช่น เที่ยวแรกตีห้าก่อนหกโมงเช้า เที่ยวต่อไปเก้าโมงสามสิบห้า ด้วยเหตุผลเพราะต้องให้บริการลูกค้าจากวงเวียนใหญ่เที่ยวเจ็ดโมงเช้า แถมที่วงเวียนใหญ่มีรางเดียว ไม่มีอู่ซ่อมบำรุง

ปกติแล้วรถไฟสายมหาชัย-วงเวียนใหญ่ จะให้บริการรถนั่งพัดลมชั้น 3 เป็นหลัก คิดค่าโดยสารจากต้นทางถึงปลายทาง 10 บาท แต่ในบางขบวนจะมีรถนั่งปรับอากาศชั้น 2 คิดค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 20 บาท หากนั่งไปถึงปลายทาง เช่น จากมหาชัยไปถึงวงเวียนใหญ่ก็คิด 25 บาท ซึ่งจะมีให้บริการเที่ยวไปจากสถานีมหาชัยเวลา 05.55, 09.35, 13.15, 16.00 และ 18.10 น. และเที่ยวกลับจากสถานีวงเวียนใหญ่เวลา 07.00, 10.40, 14.25, 17.05 และ 19.10 น.

หากไม่นับรถตู้ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าเฉพาะนิยมใช้บริการอยู่แล้ว เมื่อเปรียบเทียบระหว่างรถประจำทางปรับอากาศ ขสมก. สาย ปอ.68 หรือ ปอ.7 กับรถไฟปรับอากาศ ต้องยอมรับว่ามีข้อดีคนละอย่าง สำหรับรถ ปอ.68 หรือ ปอ.7 ค่าโดยสารสูงสุด 19 บาท และมีให้บริการจากมหาชัยตลอดทั้งวันถึงสองทุ่มครึ่ง หรือ 20.30 น. แต่ต้องเสียเวลากับการจราจรในกรุงเทพฯ และกำหนดเวลาการเดินทางที่แน่นอนไม่ได้ ส่วนใหญ่ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง

ส่วนรถไฟแม้ไปได้แค่วงเวียนใหญ่ ต้องออกเดินทางตามเวลาเดินรถที่กำหนดไว้ แถมค่าโดยสารรถปรับอากาศชั้น 2 แพงกว่ากัน 5-6 บาท แต่ก็ไปถึงที่หมายตามเวลาที่แน่นอนได้ แม้จะล่าช้าไปเพียง 5-10 นาทีตามประสารถไฟไทยก็ตาม แต่โดยรวมใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษๆ และจากวงเวียนใหญ่ก็ต่อรถเมล์ไปยังที่ต่างๆ ในกรุงเทพฯ เช่น สาย 82 ไปปากคลองตลาด สนามหลวง หรือสาย 21 กับสาย 529 ไปเยาวราช หัวลำโพง สยามและมาบุญครองได้ ฯลฯ

แนะนำกันพอหอมปากหอมคอ ใครสนใจไปใช้บริการกันได้ครับ เพราะเป็นรัฐวิสาหกิจ เงินทองเข้ากระเป๋ารัฐอย่างน้อยนำไปปรับปรุงบริการให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ ฉบับหน้าจะพูดถึงโอกาสความเป็นไปได้ของรถไฟสายนี้กันครับ

(อ่านคอลัมน์วงเวียนน้ำพุย้อนหลัง และร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่เว็บไซต์ www.sakhononline.com คลิกที่ คอลัมนิสต์ออนไลน์ เลือก วงเวียนน้ำพุ)



แสดงความคิดเห็น


เงื่อนไขในการแสดงความคิดเห็น
• กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำที่สุภาพ โปรดงดเว้นการใช้คำหยาบคาย ส่อเสียด ดูหมิ่น กล่าวหาให้ร้าย สร้างความแตกแยก หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
• การลบความคิดเห็น ที่ไม่เหมาะสม สามารถกระทำได้ทันที โดยไม่ต้องมีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
• ทุกความคิดเห็นไม่เกี่ยวข้องกับผู้ดำเนินการเว็บไซต์ และไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้

เรื่องก่อนหน้า-ย้อนหลัง