ลาก่อน “นครหลวงไทย”
ตีพิมพ์ครั้งแรก หนังสือพิมพ์เสียงสาคร ฉบับประจำเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2554
ช่วงนี้ใครที่ใช้บริการธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) มาโดยตลอดจะสังเกตได้ว่า หน้าตาของธนาคารเปลี่ยนไป กล่องไฟด้านบนอาคารจากเดิมที่เป็นโลโก้ชฎาทอง มาวันนี้กลายเป็นตราสัญลักษณ์ของอีกธนาคารหนึ่ง ซึ่งก็คือธนาคารธนชาต รวมทั้งป้ายกล่องไฟด้านหน้าที่ทำการสาขาก็ถูกเปลี่ยน แต่ยังมีป้ายไวนีลระบุว่าเป็นธนาคารนครหลวงไทยคลุมที่ป้ายกล่องไฟเอาไว้ชั่วคราว
คุณผู้อ่านอาจสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับธนาคารนครหลวงไทย ที่อยู่คู่กับชาวสมุทรสาครมาอย่างยาวนาน ลูกค้าทั้งบุคคลธรรมดา ลูกค้าสินเชื่อ หรือผู้ประกอบการซึ่งมีหลายบริษัทใช้บริการจ่ายเงินเดือนพนักงานผ่านธนาคารนี้ ก็เริ่มกังวลนิดๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับธนาคารนี้ และจะส่งผลต่อพนักงานที่จะต้องรับเงินเดือนผ่านเครื่องเอทีเอ็มเป็นประจำทุกเดือนหรือไม่ ไม่นับรวมปัญหาจิปาถะเกี่ยวกับบัญชีเงินฝากและสินเชื่อว่าจะยังไงต่อไป
ก่อนอื่นขอเท้าความกันก่อนว่า ธนาคารนครหลวงไทยก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2484 ด้วยทุนจดทะเบียนเพียง 1 ล้านบาท โดยคณะบุคคลของรัฐบาลร่วมกับ สมาชิกในราชวงศ์ ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการธนาคารพาณิชย์ สมัยจอมพล ป. พิบูลย์สงคราม ในระหว่างสงครามเอเชียบูรพา ที่ผ่านมาก็มีการขยายสาขาต่อเนื่อง กระทั่งวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 ฐานะการเงินของธนาคารก็ไปไม่รอด กลายมาเป็นธนาคารในกำกับดูแลของเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่นครหลวงไทยเปรียบเสมือนปลาใหญ่ จึงมีการควบรวมกิจการกับธนาคารศรีนครในเดือนเมษายน 2545 ต่อมาเดือนธันวาคม 2546 ธนาคารนครหลวงไทยนำหุ้นกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกครั้ง กระทั่งปี 2552 กองทุนฟื้นฟูฯ ตัดสินใจขายหุ้น เพื่อนำเงินกลับคืนกระทรวงการคลัง กลุ่มทุนธนชาตได้ซื้อกิจการ และควบรวมเข้ากับธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีธนาคารสโกเทียแบงก์ จากประเทศแคนนาดาถือหุ้นร้อยละ 48.99
ต่อมาในปี 2553 ธนาคารธนชาตเข้าถือหุ้นนครหลวงไทยในสัดส่วน 99.24% กระทั่งได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ทำการโอนกิจการทั้งหมดจากธนาคารนครหลวงไทย มายังธนาคารธนชาต โดยมีผลวันที่ 1 ตุลาคม 2554 เป็นต้นไป อันเป็นการปิดตำนานธนาคารเก่าแก่กว่า 70 ปีไว้เพียงเท่านี้
ปัจจุบันในจังหวัดสมุทรสาครมีธนาคารนครหลวงไทยให้บริการ 8 สาขา แบ่งเป็น อ.เมืองสมุทรสาคร 4 สาขา, อ.กระทุ่มแบน 3 สาขา และ อ.บ้านแพ้ว 1 สาขา ส่วนธนาคารธนชาตมีอยู่เฉพาะใน อ.เมืองสมุทรสาครเพียง 2 สาขา ด้วยความที่ทั้งสองธนาคารมีจุดแข็งต่างกัน ธนชาตมีจุดแข็งด้านให้บริการเช่าซื้อรถยนต์ ส่วนนครหลวงไทยมีจุดเด่นให้บริการสินเชื่อธุรกิจและจำนวนสาขา หากรวมกันแล้วจะมีจำนวนสาขารวมกัน 10 สาขาเทียบเท่าสาขาของธนาคารกรุงเทพ
ผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงแรกของการควบรวมกิจการของธนชาตและนครหลวงไทยก็คือ เลขที่บัญชี 10 หลักที่ลูกค้านครหลวงไทยเดิมจะต้องเปลี่ยน โดยธนาคารจะส่งจดหมายไปยังลูกค้าทุกราย ซึ่งหลังวันรวมกิจการ 1 ตุลาคมนี้ สามารถติดต่อขอรับสมุดบัญชีใหม่ได้ที่ธนาคารธนชาตทุกสาขาทั่วประเทศ หรือเมื่อลูกค้าไปใช้บริการที่สาขา เจ้าหน้าที่จะเปลี่ยนสมุดบัญชีเงินฝากให้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ส่วนลูกค้าสินเชื่อธนชาตจะรับช่วงต่อโดยอัตโนมัติ
สำหรับบริษัทที่ใช้บริการจ่ายเงินเดือนพนักงาน ช่วงนี้สายงานบริหารเงินสดจะทำการติดต่อบริษัทเหล่านี้ และแจ้งให้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงก่อนวันรวมกิจการ 1 ตุลาคมนี้ ขณะเดียวกัน พนักงานที่รับเงินเดือนผ่านบัญชีธนาคารนครหลวงไทย ได้รับคำตอบจากทางธนาคารว่า สามารถใช้บัตรเอทีเอ็มของนครหลวงไทยเดิมต่อไปได้จนกว่าจะหมดอายุหรือชำรุด (รวมทั้งบัตรเครดิตและสมุดเช็ค) แต่หากจะขอเปลี่ยนบัตรเป็นของธนชาตก็สามารถทำได้ โดยติดต่อที่สาขาของธนาคาร
(อ่านคอลัมน์วงเวียนน้ำพุย้อนหลัง และร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่เว็บไซต์ www.sakhononline.com คลิกที่ คอลัมนิสต์ออนไลน์ เลือก วงเวียนน้ำพุ)