ความตายนายกฯ ตุ่น กับความเกินพอดีของกองเชียร์-กองแช่ง

ตีพิมพ์ครั้งแรก หนังสือพิมพ์เสียงสาคร ฉบับประจำเดือนมกราคม พ.ศ. 2555

บ่ายวันอาทิตย์ที่ 25 ธ.ค.2554 ที่ผ่านมา เหตุการณ์ที่คนร้ายขับปิคอัพบุกยิงนายก อบจ.สมุทรสาคร อุดร ไกรวัตนุสสรณ์ หรือนายกฯ ตุ่น เสียชีวิตคาปั้ม ปตท.ถนนเศรษฐกิจ เยื้องกับห้างฯ บิ๊กซี มหาชัย นับเป็นข่าวใหญ่ที่ทำให้เกิดความสนใจ และสื่อมวลชนนำไปตีเป็นข่าวทั่วประเทศ พร้อมกับความรู้สึกของคนสมุทรสาครที่ใครเห็นเป็นต้องช็อก อีกสองวันถัดมาก็ต้องช็อกตามมาติดๆ เมื่อผู้ที่ถูกกล่าวหากลายเป็น ส.ส.สมุทรสาคร พรรคประชาธิปัตย์ นามว่า ครรชิต ทับสุวรรณ

เรื่องนี้ถูกนำไปขยายความพร้อมกับความสงสัยว่าคุณครรชิตเป็นคนลงมือสังหารด้วยตัวเองจริงหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาถูกมองว่าวางตัวเรียบร้อย ไม่น่าจะเป็นคนเช่นนั้น แต่ถึงกระนั้นเมื่อฝ่ายตำรวจมั่นใจในพยานหลักฐาน โดยเฉพาะพยานปากสำคัญจากคนขับรถก็ต้องไปสู้กันในศาล แม้ทางตำรวจจะสรุปว่าต้นเหตุของคดีสังหารมาจากเรื่องส่วนตัว แต่ในทางการเมืองถูกนำไปขยายผลเป็นศึกระหว่างสองตระกูล ไกรวัตนุสสรณ์ กับ ทับสุวรรณ ซึ่งที่ผ่านมาผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะมาตลอด แม้คุณอเนกจะกล่าวว่าไม่มีความขัดแย้งก็ตาม แต่จากกระแสข่าวที่ออกมาดูเหมือนว่ามีฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมรวมกับขั้วทางการเมืองบางฝ่าย นำคดีนี้ไปขยายผลชนิดที่ว่าเกินพอดี โดยหวังที่จะทำลายชื่อเสียงทางการเมืองของอีกฝ่ายหนึ่งให้ย่อยยับกันไปข้าง ในฐานะผู้สังเกตการณ์อย่างผมคงไม่อยากจะวิจารณ์อะไร

แม้โดยจิตสำนึกของคนเราความตายย่อมเป็นเรื่องที่น่าเศร้าและไม่อยากให้มีใครต้องล้มหายตายจาก แต่เราต้องไม่ลืมว่า คนที่ได้ชื่อว่าเป็นนักการเมืองย่อมมีคนรักและคนเกลียดเป็นเรื่องธรรมดา แต่เพราะคนรักและคนเกลียดนี่แหละทำให้ผมมีความรู้สึกว่า ความตายของคนที่ได้ชื่อว่านักการเมืองถูกนำมาตอกย้ำเพื่อทำลายซึ่งกันและกัน ทั้งฝ่ายคนที่รัก และฝ่ายคนที่เกลียดจนเกินพอดี โดยไม่รู้ว่าคนที่จากไปแล้วเขาต้องการให้ฝ่ายคนที่รักอยากให้ล้างแค้นแบบนั้นหรือไม่

ในช่วงที่นายกฯ ตุ่นถูกยิงเสียชีวิตใหม่ๆ มีการสันนิษฐานถึงสาเหตุทั้งเรื่องการเมือง ที่เก้าอี้นายก อบจ.จะหมดวาระลงในปีนี้ รวมไปถึงเรื่องส่วนตัวที่มีการสันนิษฐานว่ามีปากเสียงกันในงานแต่งงาน แต่ข่าวลือจากฝ่ายที่ผมขออนุญาตเรียกว่ากองแช่งถูกนำมาพูดถึงกันทั่วตลาดมหาชัยก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องชู้สาว ร้อนถึงภรรยาต้องออกมาชี้แจงยืนยันว่านายกฯ ตุ่นเป็นแฟมิลี่แมนตัวจริง และขอร้องว่าอย่าทำอย่างนี้อีก เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นครอบครัวก็บอบช้ำมากพอแล้ว

อีกฝ่ายที่ผมขออนุญาตเรียกว่ากองเชียร์ ก็มีมากกว่ากองแช่งด้วยซ้ำ แม้จะเป็นเรื่องธรรมดาของสังคมไทยที่ถ้าไม่ยินดีก็ยินร้าย หลังจากที่ตำรวจเปิดเผยว่าคุณครรชิตเป็นผู้ต้องหา กระแสสังคมทั้งคนในและคนนอกจังหวัดที่เป็นกองเชียร์ของสีนั้นสีนี้อินไปกับการพิพากษาคนอย่างสะใจ แต่ผมกลับมีความรู้สึกว่ามันเริ่มจะเกินพอดี และเห็นว่าเราด่วนสรุปเกินไปหรือไม่ ที่จะพิพากษาคนก่อนจะได้เห็นคำพิพากษาของศาล ซึ่งจะชี้ชัดได้ว่าเจตนาที่แท้จริงมาจากอะไร

หนักกว่านั้นก็คือ มือดีที่รู้สึกโกธรแค้นต่างก็เอาสีสเปรย์ทั้งสีแดง สีดำมาพ่นใส่ป้ายสวัสดีปีใหม่ที่มีใบหน้าของคุณครรชิต ผมเห็นแล้วตกใจมาก เพราะพฤติกรรมแบบนี้จะเห็นเฉพาะจังหวัดบ้านนอกที่อยู่ภายใต้ผู้มีอิทธิพลและเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน

ไม่น่าจะเกิดกับบ้านเราแบบนี้ ผมเข้าใจว่าใครที่เป็นกองเชียร์ก็ต้องรู้สึกโกธรกับการสังหารคุณอุดรอย่างป่าเถื่อน แต่การไปพ่นสีสเปรย์หรือทำลายป้ายคนอื่นเขาไม่นึกว่าคนจังหวัดนี้มีพฤติกรรมป่าเถื่อนไปกว่ากันหรอกหรือ

อยากจะบอกด้วยใจจริงว่า ความรุนแรงไม่ใช่ทางออกในการแก้ปัญหา คนที่ลงมือสังหารนายกฯ ตุ่นท้ายที่สุดก็ต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย หากแต่ทั้งกองเชียร์และกองแช่งดันทุรังใช้ความรุนแรงทั้งกาย วาจา ใจในการตัดสินกับสิ่งที่เราไม่พอใจ แม้ผลที่ได้เราจะรู้สึกสะใจ แต่การสร้างความร้าวฉานเพื่อหวังทำร้ายจิตใจแต่ละฝ่ายมันก็คือบาปอย่างหนึ่ง เหมือนจ้องจะฆ่าให้ตายทั้งเป็นเสียเอง และมันจะเสียไปถึงชื่อเสียงจังหวัด ขอฝากไว้ตรงนี้ว่าอย่าทำอย่างนี้อีกเลยนะครับ.

(อ่านคอลัมน์วงเวียนน้ำพุย้อนหลัง และร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่เว็บไซต์ www.sakhononline.com คลิกที่ คอลัมนิสต์ออนไลน์ เลือก วงเวียนน้ำพุ)



แสดงความคิดเห็น


เงื่อนไขในการแสดงความคิดเห็น
• กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำที่สุภาพ โปรดงดเว้นการใช้คำหยาบคาย ส่อเสียด ดูหมิ่น กล่าวหาให้ร้าย สร้างความแตกแยก หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
• การลบความคิดเห็น ที่ไม่เหมาะสม สามารถกระทำได้ทันที โดยไม่ต้องมีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
• ทุกความคิดเห็นไม่เกี่ยวข้องกับผู้ดำเนินการเว็บไซต์ และไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้

เรื่องก่อนหน้า-ย้อนหลัง