ต้องเปลี่ยนค่านิยม “ยาเสพติดทำเงิน”
ตีพิมพ์ครั้งแรก หนังสือพิมพ์เสียงสาคร ฉบับประจำเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555
จังหวัดสมุทรสาครได้ประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครเป็นประธาน ซึ่งเปิดโอกาสให้หน่วยงานต่างๆ รายงานผลการดำเนินงานการป้องกันและปราบปรามปัญหายาเสพติดของส่วนราชการต่างๆ รวมทั้งการจัดระเบียบสังคม และการรักษาความสงบเรียบร้อย
น่าสนใจตรงที่ชุดปฏิบัติการ และชุดเฉพาะกิจของแต่ละอำเภอ นำโดยปลัดอำเภอ หัวหน้ากลุ่มและปลัดป้องกัน ออกตรวจติดตามและร่วมตั้งด่านตรวจ จุดสกัดของกองกำลังผสมตำบล ตามคำสั่งและนโยบายผู้ว่าราชการจังหวัดจำนวน 15 แห่ง รวมทั้งแนะนำด้านการขับขี่รถตามมาตรการ 3ม. 2ข. 1 ร. เพื่อสร้างความปลอดภัยทางถนน
ในสายตาคนภายนอกกลายเป็นการเหมารวมว่า นี่คือการจับหมวกกันน็อค!
เพราะทุกเช้าและบ่ายด่านตรวจที่ว่า ตำรวจมุ่งเน้นไปที่การจับรถจักรยานยนต์ไม่สวมหมวกนิรภัย หรือสารพัดข้อหา มีการเตรียมกรวยยาง โต๊ะพับและเก้าอี้ใส่รถกระบะเตรียมพร้อม แม้จะอ้างได้ว่าเป็นการตั้งด่านคนละรูปแบบกัน แต่หากออกมาเป็นเช่นนี้บ่อยครั้งเข้า ด่านตรวจจะหมดความศักดิ์สิทธิ์ เพราะเดี๋ยวนี้ผู้ขับขี่จะมีการติดต่อสื่อสารกันทางเฟซบุ้ค ว่าจุดไหนมีด่านตรวจ ซึ่งเป็นที่เข้าใจได้ว่าควรหลีกเลี่ยงเพราะไม่อยากเสียเงินค่าปรับ
กลายเป็นว่าเปิดช่องให้ผู้ก่ออาชญากรรมหนีด่านตรวจได้ ส่งผลคดีอาชญากรรมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น!
ในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ผมกลายเป็นคนติดศาลาคนเศร้า นิตยสารรายเดือนที่รวบรวมอนุทิน หรือบันทึกเกี่ยวกับความรักที่ไม่สมหวัง จากประสบการณ์ผู้อ่านทางบ้าน รวมทั้งแนะนำชื่อและที่อยู่สำหรับคนที่ต้องการเป็นเพื่อนทางจดหมาย หนึ่งในนั้นมีคอลัมน์เสียงจากคนข้างใน ซึ่งเกี่ยวกับบันทึกจากผู้ต้องขังที่กล่าวถึงชีวิตของตัวเองอยู่ด้วย
คุณผู้อ่านอาจจะตกใจว่า นักโทษในเรือนจำเขาเขียนจดหมายลงนิตยสารกันได้ด้วยหรือ ความจริงผู้ต้องขังในเรือนจำสามารถเขียนจดหมายหากันได้ โดยจะต้องส่งให้เจ้าหน้าที่เรือนจำตรวจสอบ ก่อนจะปิดผนึกแล้วส่งไปยังผู้รับปลายทางเพื่อความปลอดภัย ซึ่งโดยปกติพ่อแม่หรือญาติพี่น้องที่ไม่สะดวกไปเยี่ยมด้วยตัวเองก็ใช้วิธีเขียนจดหมายกัน
เท่าที่ผมได้อ่านบันทึกจากผู้ต้องขังแต่ละท่านในนิตยสารศาลาคนเศร้า จะกล่าวถึงความรักที่ไม่สมหวังในช่วงระหว่างสูญเสียอิสรภาพ ส่วนใหญ่ก็คือแฟนหรือคนรักหายไปจากชีวิต บางครั้งก็มีชื่อผู้ต้องขังเรือนจำสมุทรสาครมาบ้าง ที่น่าสนใจก็คือ ผู้ต้องขังส่วนใหญ่ต้องโทษคดียาเสพติดมากที่สุด นอกนั้นจะมีคดีฉ้อโกงกับฆ่าคนตายเข้ามาบ้าง
จากการได้อ่านบันทึกของผู้ต้องขังคดียาเสพติด ส่วนใหญ่มักจะกล่าวว่า ที่ตนค้ายาเสพติดก็เพราะต้องการเงินจำนวนมากและอยากให้ตัวเอง รวมทั้งแฟนหรือคนรักสุขสบาย แม้การขายยาเสพติดจะสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ แต่ก็มีความเสี่ยงที่ตำรวจจะจับกุมหรือวิสามัญฆาตกรรม อีกทั้งโทษสูงสุดก็คือประหารชีวิต เรียกได้ว่าหมดอนาคตกันเลยทีเดียว
การที่มีคนมองว่ายาเสพติดเป็นอาชีพทำเงิน และสามารถสร้างรายได้แบบรวยทางลัด ถือเป็นทัศนคติที่อันตรายอย่างยิ่ง เพราะไม่ใช่เพียงแค่ผู้ค้ายาเสพติดเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ
แต่ยังทำลายชีวิตผู้เสพเพราะเมื่อบริโภคยาเสพติดเข้าไป ร่างกายและจิตใจจะเสื่อมโทรมลงเรื่อยๆ สูญเสียทรัพย์สินเงินทอง รวมทั้งเป็นบ่อเกิดแห่งอาชญากรรมทั้งปวง
ต้องช่วยกันเปลี่ยนทัศนคติว่า “ยาเสพติดไมทำให้ใครรวย” เช่นเดียวกับการพนันและอบายมุขทั้งปวง!
ป.ล.ขออนุญาตใช้พื้นที่ตรงนี้ฝากถึง พ.ต.อ.ชัยชาญ ปุระธนานนท์ ผกก.สส.ภ.จว.สมุทรสาคร เนื่องในวันเกิดครบรอบ 42 ปี เมื่อวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา แม้จะไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่ก็ถือเป็นตำรวจที่ทุ่มเทงานสืบสวนสอบสวน มีหลายคดีคลี่คลายได้เป็นผลสำเร็จ ก็ขออวยพรให้ท่านเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน และมีความสุขความเจริญในชีวิต.
(อ่านคอลัมน์วงเวียนน้ำพุย้อนหลัง และร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่เว็บไซต์ www.sakhononline.com คลิกที่ คอลัมนิสต์ออนไลน์ เลือก วงเวียนน้ำพุ)