ผู้ว่าฯสมุทรสาคร ในฐานะ ผอ.ศูนย์ดำรงธรรมฯ สั่งหลายหน่วยงานลุยตรวจโรงชุบย่านหมู่ 3 ต.นาดี หลังชาวบ้านร้องเรียนพบปล่อยน้ำสีสนิมลงคลองเจ็ดศอก พบมีความผิดจริง มอบหมายให้แต่ละหน่วยงานลงโทษตามกฎหมาย
นายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสมุทรสาคร ในฐานะรับผิดชอบงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยว่า วันนี้ (17 พ.ค.) เวลา 14.30 น. นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสมุทรสาคร มอบหมายให้ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสมุทรสาคร โดยนายคนึง ทองเที่ยง ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดฯ
พร้อมด้วยอุตสาหกรรมจังหวัดฯ ผู้แทนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดฯ (ทสจ.) ผู้แทนสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาสมุทรสาคร ผู้แทนนายอำเภอเมืองสมุทรสาคร ผู้แทนเทศบาลตำบลนาดี และฝ่ายปกครองท้องที่ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีผู้แจ้งเบาะแสการปล่อยน้ำเสียลงคลองเจ็ดศอก จากโรงงานเลขที่ 33/38-39 หมู่ 3 ต.นาดี อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร
ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ดังกล่าว แต่พบว่าผู้ประกอบการไม่สามารถแสดงใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (รง.4) ได้ เนื่องจากสำนักงานปิด พนักงานเลิกงานแล้ว และไม่พบกระบวนการบำบัดน้ำเสียก่อนปล่อยออกจากสถานประกอบการ จึงได้เก็บภาพพร้อมพยานหลักฐานในพื้นที่โรงงาน และได้นัดหมายในการเข้าดำเนินการตรวจสอบอีกครั้งในวันนี้
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบสถานประกอบการ พบว่าเป็นพื้นที่จัดสรรแบ่งให้โรงงานเช่าประกอบกิจการ รวม 3 ราย ประกอบด้วย บริษัท อาชีวะ อุตสาหกรรม จำกัด ประเภทโรงงานลำดับที่ 64 (4), 100(5) ประกอบกิจการทำสลัก แป้นเกลียว และชุบเคลือบผิวโลหะ (เงื่อนไขการอนุญาตห้ามระบายน้ำทิ้งออกจากบริเวณโรงงานโดยเด็ดขาด), บริษัท กรุงไทย ออโต้พาร์ท จำกัด ประกอบกิจการผลิตชิ้นส่วนอุตสาหกรรมยานยนต์และเครื่องจักรกลการเกษตร (ไม่มีน้ำจากกระบวนการผลิต), บริษัท เซน โคทติ้ง จำกัด ประกอบกิจการรับจ้างเคลือบโลหะทุกชนิด (ไม่มีน้ำจากกระบวนการผลิต)
ซึ่งบริษัท อาชีวะ อุตสาหกรรม จำกัด ขณะตรวจสอบพบว่าไม่มีกระบวนการชุบผิวโลหะ และพบว่าน้ำทิ้งเกิดจากการใช้น้ำล้างผิวชิ้นงานที่มีปัญหา (สนิม) จำนวน 0.6 ลูกบาศก์เมตร โดยมีการปล่อยน้ำทิ้งจากโรงงานลงคลองสาธารณะโดยตรง ไม่มีการกับเก็บน้ำเพื่อนำส่งน้ำเสียไปกำจัดหรือบำบัดให้ถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมทั้งระบบบำบัดกลิ่นที่กำลังปรับปรุงยังไม่เรียบร้อยถูกต้องตามหลักวิชาการ
จึงได้มอบหมายให้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร ดำเนินการออกคำสั่งห้ามระบายน้ำทิ้งออกนอกบริเวณโรงงานโดยไม่ผ่านระบบบำบัด และจัดให้มีระบบการจัดเก็บน้ำเสียและส่งให้ผู้ที่รับกำจัดหรือบำบัด ซึ่งได้รับอนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม อีกทั้งดำเนินการเปรียบเทียบปรับตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 45 ซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน 200,000 บาท รวมทั้งให้ดำเนินการแก้ไขปรับปรุงให้เรียบร้อย และให้เข้าตรวจสอบก่อนการขอเปิดดำเนินการ, ให้สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาสมุทรสาคร แจ้งความดำเนินคดีตามมาตรา 119 พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ,
ให้เทศบาลตำบลนาดีออกคำสั่งให้ผู้ประกอบการหยุดระบายน้ำทิ้งทันที และดำเนินการเปรียบเทียบปรับตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 กรณีระบายน้ำทิ้งลงคลองสาธารณะ และให้ตรวจสอบกลิ่นเหม็นหรือน้ำเสียในพื้นที่ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย, ให้ สนง.ทสจ. ตรวจสอบและควบคุมคุณภาพน้ำบริเวณดังกล่าว และให้อำเภอเมืองสมุทรสาคร และฝ่ายปกครอง กำกับดูแลพื้นที่ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และติดตามตรวจสอบโดยใกล้ชิด
สาครออนไลน์ เรียบเรียงโดย กองบรรณาธิการ