กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เตรียมเสนอแก้ปัญหากัดเซาะพื้นที่ชายฝั่งภาคกลางตอนล่าง 4 จังหวัด “สมุทรสาคร – สมุทรสงคราม – เพชรบุรี – ประจวบคีรีขันธ์” ในการประชุม ครม.สัญจร เพชรบุรี 5-6 มี.ค. นี้
เมื่อวันที่ 26 พ.ย. นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า ในโอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ที่จังหวัดเพชรบุรี ระหว่างวันที่ 5-6 มี.ค.นี้ จะเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาการกัดเซาะทางทะเลและชายฝั่งใน 4 พื้นที่ ประกอบด้วย จังหวัดสมุทรสงคราม และสมุทรสาคร ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่โคลนเลน จะใช้การปักไม้ไผ่ชะลอคลื่น
ส่วนเพชรบุรี เช่น อ่าวปึกเตืยน, โตนดน้อย ลงไปถึงพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน มีพื้นที่กัดเซาะ 5 กิโลเมตร จะใช้แนวทางถ่ายเททราย สำหรับอำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีพื้นที่กัดเซาะกว่า 4 กิโลเมตร จะใช้หลักใช้หลักแนวถอยร่นและธรรมชาติแก้ไข แต่สิ่งสำคัญต้องอาศัยการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชนในการดำเนินการควบคู่กันไปด้วย
นอกจากนี้ จะรายงานแนวทางแก้ไขปัญหากัดเซาะชายฝั่งต่อรัฐบาลใน 3 เรื่อง ได้แก่ การแก้ไขโดยใช้หลักวิทยาศาสตร์ ด้วยการแก้ไขแนวถอยร่น หลักธรรมชาติและหลักเชิงวิศวกรรมโครงสร้าง เช่น การทำเขื่อน โครงสร้างหิน การใช้กฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. 2558 ในมาตรา 21 อาจจำเป็นต้องทำเป็นกฎกระเทรวง และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
สำหรับภาพรวมประเทศไทยมีพื้นที่ริมชายหาดติดทะเลกว่า 3,000 กิโลเมตร และเกิดปัญหาการกัดเซาะฝั่งกว่า 800 กิโลเมตร ปัจจุบันดำเนินการแก้ไขแล้วกว่า 600 กิโลเมตร ยังเหลือพื้นที่อยู่ 145 กิโลเมตรที่มีการกัดเซาะ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากธรรมชาติ ความไม่เข้าใจในการแก้ไขปัญหาแต่ละจุด โดยเฉพาะการดำเนินโครงสร้างไปกระทบกับแนวคลื่น
ที่ผานมานายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญ และกำชับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เป็นหน่วยงานหลักแก้ไขปัญหา ตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. 2558 มีกรรมการระดับชาติ มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน รวมไปถึงกรรมการระดับจังหวัด มีผู้ว่าราชการและผู้ทรงคุณวุฒิในพื้นที่ เป็นประธาน
สาครออนไลน์ เรียบเรียงโดย กองบรรณาธิการ