ครบรอบ 37 ปี ถนนพระราม 2
ตีพิมพ์ครั้งแรก หนังสือพิมพ์เสียงสาคร ฉบับประจำเดือนเมษายน พ.ศ. 2553
สมัยที่เรียนหนังสืออยู่ชั้นประถมศึกษา ในห้องสมุดของโรงเรียนวัดบางปิ้ง มีหนังสือเก่าซึ่งอยู่ในตู้กระจก เนื้อหาบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับจังหวัดต่างๆ ในประเทศไทย หนึ่งในนั้นก็คือสมุทรสาครบ้านเรา น่าสนใจตรงที่ถนนธนบุรี-ปากท่อ หรือถนนพระรามที่ 2 ถูกบันทึกประวัติศาสตร์เอาไว้ เท่าที่จำความได้คือ ในสมัยรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร ทางหลวงสายธนบุรี-ปากท่อ เปิดใช้เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2516
สมัยก่อนการสัญจรไปมาระหว่างจังหวัดต่างๆ นิยมใช้เรือและทางรถไฟสายแม่กลองเป็นหลัก กระทั่งการคมนาคมทางรถยนต์มีบทบาทมากขึ้น สมัยนั้นถนนหนทางในบ้านเรามีเพียงไม่กี่เส้นทาง ถนนเศรษฐกิจเป็นเพียงถนนเส้นเล็กๆ แต่ก็เป็นเส้นทางคมนาคมหลักจากถนนเพชรเกษมมายังตัวจังหวัด จวบจนกระทั่งทางหลวงสายธนบุรี-ปากท่อ ก่อสร้างและเปิดใช้สัญจรไป-มา ก็ทำให้การเดินทางเข้ากรุงเทพฯ สะดวกมากยิ่งขึ้น
ทางหลวงสายธนบุรี-ปากท่อ ช่วยย่นระยะทางจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่ภาคใต้ได้เกือบๆ 40 กิโลเมตร จึงทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนหันมาใช้ทางหลวงสายธนบุรี-ปากท่อ แทนถนนเพชรเกษมเป็นต้นมา แต่ปัญหาที่สำคัญหลังจากถนนเปิดใช้ก็คือ อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง สมัยนั้นถนนยังเป็นผิวจราจรแอสฟัลต์คอนกรีต 2 ช่องจราจรสวนทาง แต่ก็มีผู้ขับขี่บางคนใช้ความเร็วสูง เนื่องจากลักษณะเป็นถนนบายพาส จึงทำให้เกิดรถชนกันบ่อยครั้ง
ตำนานเกี่ยวกับทางหลวงสายธนบุรี-ปากท่อยังมีเรื่องเร้นลับ โดยเฉพาะปริศนาเกี่ยวกับเจ้าแม่งูจงอาง ที่ปัจจุบันมีศาลเจ้าพ่อ-เจ้าแม่งูจงอางตั้งอยู่เป็นระยะๆ ตลอดทางหลวงสายนี้ พร้อมทั้งเสียงร่ำลือนับตั้งแต่ช่วงที่ถนนกำลังก่อสร้าง และหลังจากถนนเปิดใช้ก็มีอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นความเชื่อส่วนบุคคลที่พูดกันปากต่อปาก
อย่างไรก็ตาม ถนนพระราม 2 ได้ทำหน้าที่เป็นทางหลวงสายหลักที่รองรับยานพาหนะและผู้คนต่างๆ มาอย่างยาวนาน ผ่านการก่อสร้างขยายทาง จากช่องจราจรสวนทางมาเป็น 4 ช่องจราจรพร้อมเกาะกลางปัจจุบันเป็นถนนขนาด 10 ช่องจราจรตั้งแต่กรุงเทพฯ และ 6-8 ช่องจราจรตั้งแต่บางกระเจ้า (กม.34) ถึงปากท่อ เป็นทางหลวงขนาดพิเศษที่รองรับผู้คนในสังคมที่ต้องเดินทางอย่างไม่หยุดยั้ง
ปัญหาที่สำคัญของถนนพระราม 2 ในปัจจุบันก็คือ ผิวจราจรไม่สม่ำเสมอ ไม่สามารถทำความเร็วได้อย่างคงที่ ถนนชำรุดโดยรถบรรทุก แม้จะปรับปรุงผิวจราจรบ่อยครั้ง แต่ก็ใช้ได้เพียงแค่ไม่กี่ปี ก็ต้องมาซ่อมผิวจราจรกันใหม่ รองลงมาคือถนนลื่นจากน้ำคาวปลาหรือของเหลวหยดลงบนผิวทาง สภาพอากาศเมื่อฝนตกถนนลื่น นอกจากนี้ ปัญหาการจัดการจราจรที่ยังสะเปะสะปะ โดยเฉพาะบริเวณสะพานกลับรถที่มักจะมีรถย้อนศรบ่อยครั้ง คอขวดที่สะพานข้ามทางรถไฟ ต.บางน้ำจืด ซึ่งเกิดจากสะพานมีสภาพเก่าและแคบ ปัญหาช่องจราจรสับสน ช่องจราจรแคบลงที่ทางแยกต่างระดับเอกชัย และทางแยกต่างระดับมหาชัย ที่รถต้องบังคับเลี้ยวซ้ายในช่องทางขนาน ซึ่งการจะทำให้ผิวจราจรคงที่ตลอด 84 กม. คงเป็นไปได้ยาก
อีกเรื่องหนึ่งที่น่าเป็นห่วงคือ โครงการทางด่วนดาวคะนอง-สมุทรสาคร ที่แม้จะถูกพับโครงการเพราะวิกฤตเศรษฐกิจ แต่หากมีการก่อสร้างซึ่งจะคร่อมถนนพระรามที่ 2 อาจจะทำให้การจราจรติดขัดเป็นระยะ ไม่นับรวมหลังทางด่วนก่อสร้างแล้วเสร็จ อาจจะพบปัญหาถนนช่องทางขวาสุดเป็นลูกคลื่น อันเนื่องมาจากถนนทรุด เผลอๆ ต่อไปถนนอาจจะถูกปล่อยให้ชำรุดทรุดโทรม โดยไม่ได้รับการเหลียวแลเหมือนถนนบางนา-ตราดก็ได้
(อ่านคอลัมน์วงเวียนน้ำพุย้อนหลัง และร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่เว็บไซต์ www.sakhononline.com คลิกที่ คอลัมนิสต์ออนไลน์ เลือก วงเวียนน้ำพุ)