รถบรรทุกหนีด่านชั่ง “เอกชัยสายเก่า” ไม่อาจฝืนรับกรรม?
ตีพิมพ์ครั้งแรก หนังสือพิมพ์เสียงสาคร ฉบับประจำเดือนมีนาคม พ.ศ. 2555
เหตุการณ์ที่คนร้ายรัวยิงคนขับรถบรรทุกถ่านหินเสียชีวิตบนถนนเอกชัยสายเก่า ในพื้นที่หมู่ 6 ต.นาโคก อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร เมื่อกลางดึกวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจ สภ.บางโทรัด อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร ได้ประชุมเพื่อแกะรอยหาตัวคนร้าย ซึ่งตามรายงานระบุว่า ดูจากพฤติกรรมแล้วลักษณะทำไปด้วยความคึกคะนอง คล้ายกับคดีขว้างก้อนหินใส่กระจก และด้วยความหมั่นไส้ที่รถบรรทุกถ่านหินส่วนใหญ่ชอบหลบวิ่งเลี่ยงด่านชั่งน้ำหนัก โดยใช้เส้นทางนี้วิ่งไปตัดออกหลังวัดนาโคก ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุกันมากจนทำให้ถนนพัง ชาวบ้านอาจเกิดความโมโหเลยก่อเหตุก็เป็นได้ หลังจากเกิดเหตุการณ์ไม่นานนัก ผมได้มีโอกาสลงพื้นที่เพื่อดูว่าถนนเอกชัยสายเก่าเส้นนี้มันเกิดอะไรขึ้น
ถนนเอกชัย ซึ่งเป็นชื่อเรียกของคนสมุทรสงคราม เดิมเป็นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3092 ก่อสร้างโดยกรมทางหลวง มีจุดเริ่มต้นจากตัวเมืองสมุทรสงคราม ไปตามหมู่บ้านต่างๆ ใน ต.ลาดใหญ่ สิ้นสุดที่บริเวณรอยต่อระหว่างสมุทรสงครามและสมุทรสาคร บริเวณบ้านเขตเมือง ระยะทางประมาณ 9 กิโลเมตร ต่อมา อบจ.สมุทรสาครได้ก่อสร้างถนนลาดยางจากปากทางถนนพระราม 2 ตรงข้ามวัดกาหลง ไปทะลุกับถนนเอกชัย กระทั่งกรมทางหลวงได้โอนสายทางตั้งแต่กิโลเมตรที่ 2 เป็นต้นมาไปให้กรมทางหลวงชนบทดูแลแทนเมื่อปี 2548 และได้ผนวกสายทางเป็นทางหลวงชนบท สค 2055 (แยกทางหลวงหมายเลข 35 กม.46+300 – เมืองสมุทรสงคราม) รวมระยะทาง 15.456 กิโลเมตร
ตลอดระยะทางกว่า 7 กิโลเมตรในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ก่อนที่จะเข้าเขตจังหวัดสมุทรสงคราม สภาพถนนผิวจราจรแอสฟัลต์ติกคอนกรีต (หรือถนนลาดยางมะตอย) เต็มไปด้วยหลุมบ่อที่เกิดจากการทรุดตัว อันเนื่องมาจากการรับน้ำหนักของยวดยานพาหนะมากจนเกินเหตุ ถนนจึงมีรอยร้าวอย่างเห็นได้ชัด ขณะเดียวกันนอกจากรถยนต์ของชาวบ้านในพื้นที่แล้ว ยังมีรถบรรทุก ทั้งรถขนดิน รถพ่วง 18 ล้อ รถบรรทุกน้ำมัน แม้แต่รถคอนเทนเนอร์ยังใช้เส้นทางนี้อย่างไม่ขาดสายทั้งกลางวันและกลางคืน ไถ่ถามกันไปมาปรากฏว่ารถบรรทุกเหล่านี้เค้าหนีด่านชั่งพระราม 2 บริเวณนาโคกกันมา โดยใช้เส้นทางเลี้ยวซ้ายที่ตลาดกลางบางแก้ว แล้วไปเลี้ยวขวาเข้าถนนเอกชัยที่สี่แยกลาดใหญ่อีกที
ที่ผ่านมามีชาวบ้านในพื้นที่นาโคกร้องเรียนต่อกรมทางหลวงชนบท ทำนองว่าตั้งแต่ห้าโมงเย็นถึงแปดโมงเช้าวันรุ่งขึ้น มีรถบรรทุกที่หนีด่านชั่งเข้ามาใช้เส้นทางนี้จำนวนมาก ช่วงเดือนกรกฎาคม 2554 ที่ผ่านมา สำนักงานทางหลวงชนบทจังหวัดสมุทรสาครใช้งบประมาณ 9,955,000 บาทซ่อมถนนเป็นระยะทาง 2.7 กม. เปิดใช้เมื่อเดือนกันยายน ปรากฏว่าผ่านไปประมาณ 15 วันก็เกิดหลุมบ่ออีกครั้ง ชาวบ้านประสบปัญหาทั้งอุบัติเหตุ และฝุ่นละอองที่เกิดจากการนำหินคลุกมากลบหลุมบ่อที่ชำรุด ก็เคยเสนอให้เร่งรัดจับกุมรถบรรทุกที่ทำผิดกฎหมายอย่างจริงจัง บางคนถึงขนาดแนะให้สร้างด่านชั่งน้ำหนักขนาดเล็กไปเลย แต่ก็ทำได้แค่ทำหนังสือแจ้งขอความร่วมมือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกวดขันดูแล
ย้อนกลับไปจากกรณียิงคนขับรถบรรทุก ก่อนหน้านี้ผู้ประกอบการรถบรรทุกสิบล้อ นำโดยผู้รับเหมารายใหญ่เมืองแม่กลอง นำรถบรรทุกสิบล้อปิดด่านชั่งน้ำหนักพระราม 2 เพราะไม่พอใจผู้จัดการด่านชั่งน้ำหนักพระราม 2 อ้างว่ารถบรรทุกของผู้รับเหมารายนี้น้ำหนักเกิน แต่ฝ่ายผู้รับเหมาก็อ้างว่าความเป็นจริงแล้วรถพ่วง 22 ล้อ น้ำหนักต้องไม่เกิน 50.5 ตัน
ถึงกระนั้นจากความเข้มงวดเอาจริงเอาจังของด่านชั่งน้ำหนักพระราม 2 รวมทั้งตำรวจทางหลวงที่นำรถยนต์ติดไซเรนวิ่งไล่กวดรถสิบล้อเป็นประจำ ทำให้ผู้ขับขี่รถบรรทุกที่น้ำหนักเกินต้องตัดสินใจหนีด่านชั่งน้ำหนักดังกล่าว
เมื่อผู้บังคับใช้กฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์ เจ้าของรถบรรทุกยังคงบรรทุกน้ำหนักเกินเพื่อประหยัดเวลา เมื่อถนนพังซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ย่อมมีคนที่หมดความอดทน บอกตรงๆ ว่าไม่อยากให้เรื่องนี้ถึงกับต้องใช้ศาลเตี้ยจริงๆ.
(อ่านคอลัมน์วงเวียนน้ำพุย้อนหลัง และร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่เว็บไซต์ www.sakhononline.com คลิกที่ คอลัมนิสต์ออนไลน์ เลือก วงเวียนน้ำพุ)