กลางคืน “สมุทรสาคร” ไม่ปลอดภัย!
ตีพิมพ์ครั้งแรก หนังสือพิมพ์เสียงสาคร ฉบับประจำเดือนธันวาคม พ.ศ. 2555
ผมเชื่อว่ามีคนสมุทรสาครจำนวนมากเดินทางไปเรียนหนังสือ หรือทำงานกรุงเทพฯ แบบเช้าไปเย็นกลับ ด้วยความที่เป็นจังหวัดที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ประกอบกับเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายเมื่อเทียบกับหาที่พักในกรุงเทพฯ ซึ่งมีค่าเช่าห้องที่แพง ค่าครองชีพที่สูง และต้องดูแลชีวิตตัวเอง เทียบกับอยู่กันเป็นครอบครัว ที่ดูจะอบอุ่นและประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่า แม้จะต้องแลกกับการเดินทางจากบ้านถึงจุดหมายปลายทาง อาจจะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าอยู่บ้างก็ตาม
โดยชีวิตผมมักจะเดินทางไป-กลับโดยรถประจำทาง หรือรถตู้ แม้จะมีคนแนะนำให้เช่าซื้อรถมาใช้สักคัน แต่ด้วยความที่ต้องทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ หน้าที่การงานก็หนักหนาเอาการ และมีเวลาพักผ่อนน้อยกว่าคนอื่น ระหว่างเดินทางออกจากบ้านหรือกลับเข้าบ้าน ก็จะใช้เวลาที่อยู่บนรถเมล์หรือรถตู้นอนหลับสักงีบ เพื่อให้สมองสดชื่น เมื่อเทียบกับเวลาผมขับรถคงหลับไม่ได้แน่นอน ไม่อย่างนั้นจะเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งน่ากลัวว่าเรื่องน้ำมันแพงที่ยังพอใช้แก๊สแทนกันได้
แม้การเดินทางระหว่างกรุงเทพฯ ถึงสมุทรสาครจะมีรถตู้ เที่ยวสุดท้ายออกจากท่ารถประมาณ 2-3 ทุ่ม และรถเมล์อย่าง ปอ.7 หรือ ปอ.68 ออกจากกรุงเทพฯ เที่ยวสุดท้ายประมาณ 3 ทุ่มครึ่งถึง 4 ทุ่ม แต่การเดินทางระหว่างตัวเมืองสมุทรสาครไปยังที่พัก ซึ่งหลายคนบ้านอยู่ชายขอบมหาชัย เช่น เคหะท่าจีน คลองครุ วัดศรีเมือง คลองนา บางปิ้ง บางปลา บ้านเกาะ ฯลฯ รถสองแถวที่วิ่งให้บริการไม่เกิน 2 ทุ่มก็หมดแล้ว จึงต้องอาศัยแท็กซี่หรือจักรยานยนต์รับจ้างแทน
อย่างที่ทราบกันดีว่า สมุทรสาครก็เหมือนกับพื้นที่ต่างจังหวัดทั่วไป ช่วงหัวค่ำ สอง-สามทุ่มก็ปิดบ้านดูละคร นอนหลับกันแล้ว ยิ่งถ้าเป็นพื้นที่ชานเมืองไกลๆ ช่วงหัวค่ำก็เงียบสงัด คนที่กลับถึงตัวเมืองสมุทรสาครในช่วง 2-3 ทุ่ม เรื่อยไปกระทั่ง 4-5 ทุ่ม ก็ย่อมมีความเสี่ยงกับการตกเป็นเหยื่อของแก๊งปล้นทรัพย์ หรือจี้ชิงทรัพย์ที่มักจะออกอาละวาดทำร้ายประชาชน ฉกชิงทรัพย์สินมีค่าแล้วหลบหนีไป และโจรพวกนี้ไม่ได้มากันแค่คนเดียว แต่ทำกันตั้งแต่สองคนยันเป็นแก๊ง
วันก่อนผมกลับมาถึงป้ายรถเมล์แห่งหนึ่งในมหาชัยประมาณ 4-5 ทุ่ม ซึ่งต่อจากนั้นได้เรียกจักรยานยนต์รับจ้าง ให้ไปส่งที่บ้านตามปกติ ปรากฏว่าระหว่างทาง จู่ๆ ก็มีจักรยานยนต์ของวัยรุ่นซึ่งขับตามหลังปาดเข้ามากะจะให้จักรยานยนต์รับจ้างที่ผมนั่งซ้อนท้ายอยู่ล้มลงให้ได้ แต่โชคดีที่มันทำพลาดและผมเหลือบมาเห็นเสียก่อน จากนั้นก็เห็นวัยรุ่นอีกคนหนึ่งขับขี่จักรยานยนต์ออกจากซอยที่อยู่ตรงหน้า โดยละแวกนั้นเป็นที่เปลี่ยว ภายในซอยไม่มีไฟฟ้าส่องสว่าง พอเจอรถคันที่จะชนผมเมื่อสักครู่มันก็วนรถกลับเข้าไปในซอยเปลี่ยวซอยนั้น แล้วจักรยานยนต์คันนั้นก็ขับขี่ตามไปด้วยกัน
แก๊งปล้นทรัพย์หรือจี้ชิงทรัพย์เหล่านี้น่าสังเกตอย่างหนึ่ง คือพวกมันจะไม่เปิดไฟหน้ารถ อาศัยที่รถจักรยานยนต์ของเหยื่อขับขี่ผ่านมาก็จะขับขี่ตามกันไป จากนั้นก็จะปาดรถจักรยานยนต์ที่ผ่านมาโดยไม่รู้ตัวเพื่อให้รถล้มลง ก่อนที่รถจักรยานยนต์ของผู้ร่วมขบวนการอีกคันจะออกมาเพื่อช่วยกันรุมทำร้ายผู้เสียหาย แล้วฉกชิงทรัพย์สินมีค่า อาทิ เงินสด โทรศัพท์มือถือ สร้อยคอทองคำหรือพระเลี่ยมทอง ฯลฯ แล้วหลบหนีไป ที่ผ่านมาเคยเกิดคดีในลักษณะนี้และเป็นข่าวอยู่ในพื้นที่ของ สภ.บางโทรัด ซึ่งสามารถจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้บางส่วน แต่อีกส่วนหนึ่งยังลอยนวล จับกุมตัวไม่ได้
แม้ในบางครั้งผมจะเห็นตำรวจ โดยเฉพาะตำรวจบ้านนำรถสายตรวจติดไซเรนออกตระเวนตามซอยเปลี่ยวในพื้นที่ชานเมือง ชายขอบมหาชัยอยู่บ้าง แต่ก็ดำเนินการอยู่เป็นพักๆ บางวันก็มีพอให้เราได้อุ่นใจอยู่บ้าง แต่บางวันไม่มีก็ระมัดระวังตัวเองกันไป สิ่งสำคัญที่ผมมักจะเอาใจใส่เสมอ คือ ต้องคอยดูแลตัวเอง พยายามสอดส่องถนนหนทางในยามค่ำคืน โดยเฉพาะยานพาหนะที่ผ่านมาตามหลัง เผื่อมีอะไรผิดสังเกตจะได้ป้องกันตัวได้อย่างทันท่วงที
ก็ขอฝากเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายที่เกี่ยวข้องช่วยกันดูแลชีวิตคนสมุทรสาครในยามค่ำคืน โดยเฉพาะคนที่กลับบ้านตอนกลางคืนด้วยก็แล้วกัน เพราะทุกคนก็เป็นคนไทยผู้เสียภาษีเหมือนกัน ทำมาหากินโดยสุจริตเหมือนกัน อย่าให้มิจฉาชีพหรือโจรคนใดออกมาอาละวาดสร้างความเดือดร้อนกันเลย วัวหายล้อมคอกแล้วจะกลายเป็นว่าได้ไม่คุ้มเสีย.