
พรรคก้าวไกล ผนึกกำลังผู้สมัคร ส.ส. สมุทรสาคร-กรุงเทพฯ ปราศรัยขอคะแนนเสียงชาวสมุทรสาคร คนฟังเนืองแน่น “ปิยบุตร” เผยกระแสพรรคฯ พุ่งแรง จนมีนักร้องออกมาทำงาน สงสัย “พิธา” จะได้นั่งนายกฯ ย้ำจุดยืน “มีเราไม่มีลุง” พร้อมเป็นฝ่ายค้านหากพรรคลุงร่วมรัฐบาล ส่วน “ธนาธร” ชี้ประเทศไทยมีความหวัง ต้องทำให้การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต ด้วยการปฏิรูปกองทัพ ต่อสู้ทุนผูกขาด และสร้างเทคโนโลยีของตัวเอง พร้อมฝาก 3 ผู้สมัคร ส.ส. เข้าสภารับใช้ประชาชน
วานนี้ (30 เม.ย.) เวลา 18.00 น. ที่ลานตลาดอินบ็อก ริม ถ.พระราม 2 ต.นาดี อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร พรรคก้าวไกลจัดเวทีปราศรัยใหญ่ “สมุทรสาคร x กรุงเทพฯ” นำโดย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล พร้อมผู้สมัคร ส.ส. สมุทรสาคร หมายเลข 9 ทั้ง 3 เขตเลือกตั้ง ได้แก่ เขต 1 นายณัฐพงษ์ สุมโนธรรม, เขต 2 นายศิริโรจน์ ธนิกกุล และเขต 3 นายศิรสิทธิ์ สงนุ้ย รวมถึงผู้สมัคร ส.ส. กทม. ได้แก่ เขต 27 นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ (บางขุนเทียน-บางบอน ) และเขต 28 น.ส.รักชนก ศรีนอก (จอมทอง-หนองแขม-บางบอน) ร่วมขึ้นเวทีปราศรัยด้วย นอกจากนี้ นายทองแดง เบ็ญจะปัก อดีต ส.ส. สมุทรสาคร เขต 1 และผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ ก็ได้มาร่วมสังเกตการณ์เช่นกัน มีประชาชนให้ความสนใจเข้ารับฟังการปราศรัยกันอย่างเนืองแน่นนับพันคน
เริ่มต้นผู้สมัคร ส.ส. สมุทรสาคร ทั้ง 3 เขตเลือกตั้ง ได้ทยอยผลัดเปลี่ยนขึ้นเวทีปราศรัยในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับจังหวัดฯ อาทิ ปัญหาค่าไฟฟ้าแพง ที่มาจากการจัดสรรทรัพยากรก๊าซธรรมชาติที่ไม่เป็นธรรมและเอื้อนายทุนพลังงาน โดยพรรคก้าวไกลมีนโยบายลดค่าไฟฟ้า 70 สตางค์ต่อหน่วยในปีแรก ปัญหาประมงที่รัฐแก้ไม่ถูกจุด ออกกฎหมายที่ทำให้ชาวประมงเดือดร้อน ปัญหาการก่อสร้างถนนพระราม 2 ที่ไม่ได้วางแผนระยะยาว ปัญหาขนส่งสาธารณะไม่เพียงพอ ปัญหาการศึกษา ปัญหาน้ำประปาไม่ไหล เป็นต้น
พร้อมนำเสนอนโยบายของพรรคฯ เช่น ปลดล็อกท้องถิ่น รถเมล์ไฟฟ้าทุกจังหวัด ปรับปรุงน้ำประปาให้มีคุณภาพ ปิดสวิตช์ 3 ป. เอาทหารออกจากการเมือง ยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร ปิดสวิตช์ ส.ว. 250 คน และนำเสนอรัฐสวัสดิการจากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน ได้แก่ ของขวัญแรกเกิด 3,000 บาท สวัสดิการเด็กเล็กเดือนละ 1,200 บาท สวัสดิการเรียนฟรี ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาทต่อวัน เบี้ยผู้สูงอายุเดือนละ 3,000 บาท กองทุนคนชราภาพ เป็นต้น ต่อด้วยการปราศรัยของสองผู้สมัคร ส.ส. กทม. ในประเด็นความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา รัฐเอื้อทุนผูกขาด ฯลฯ








จากนั้น นายปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ได้ขึ้นเวทีปราศรัย โดยระบุว่า ช่วงเวลานี้กระแสของพรรคก้าวไกลกำลังพุ่งขึ้นสูงมาก จากผลสำรวจคะแนนนิยมโพลเริ่มแซงขึ้นเป็นที่ 1 แล้ว และการจัดเวทีปราศรัยมีคนมาร่วมฟังอย่างถล่มทลาย ทำให้มีพวกนักร้องออกทำงาน พยายามเตะสกัดขัดขา เรื่องไม่เป็นเรื่องก็เอามาร้องเรียน ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดว่ากระแสของพรรคก้าวไกลมาแรงมาก ๆ สงสัยว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคฯ จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนพรรคก้าวไกลที่มีคนรุ่นใหม่ พลังงานเหลือเฟือ มีวิสัยทัศน์ความคิดก้าวไกล วันที่ 14 พ.ค. นี้ เป็นโอกาสสำคัญที่พี่น้องประชาชนจะได้เปลี่ยนรัฐบาล นายกรัฐมนตรี ทางพรรคฯ ก็มีความพร้อมที่จะบริหารประเทศ ซึ่งพรรคก้าวไกลมีความพร้อมที่จะบริหารประเทศมากกว่าตอนเป็นพรรคอนาคตใหม่เสียอีก
ถึงกระนั้นมีคนพยายามปรามาสว่าเป็นมือใหม่ทั้งหมด อ่อนประสบการณ์ ไม่เคยบริหารประเทศ จะปล่อยชาติบ้านเมืองให้กับคนเหล่านี้ได้อย่างไร ตอนที่ตนตั้งพรรคอนาคตใหม่กับนายธนาธรฯ คนก็ปรามาสแบบนี้ พอตนพาเพื่อนพ้องน้องพี่เข้าสภาไปเป็น ส.ส. สมัยแรก ปรากฎว่า 4 ปีที่ผ่านมา ผลงานในสภาของผู้แทนพรรคก้าวไกลอภิปรายตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มข้น สร้างมาตรฐานการเมืองแบบใหม่ในสภาฯ อภิปรายเนื้อหาเน้น ๆ มีพยานหลักฐานชัดเจน พิสูจน์มาแล้วว่าเป็น ส.ส. หน้าใหม่ แต่เขาทำผลงานในสภาฯ ได้ดีเป็นที่หนึ่ง
มารอบนี้อีกเช่นกัน บอกว่าจะบริหารประเทศได้หรือ เขามีความพร้อม ดูจากนโยบายของพรรคก้าวไกลเตรียมเอาไว้ครบรอบด้าน 300 กว่านโยบาย ถ้าเลือกเป็นรัฐบาลจะเอานโยบายเหล่านี้ทำทันที เป็นพันธสัญญาให้กับประชาชนด้วย ตรวจการบ้านได้เลยว่าทำได้ไหม และเวลาดีเบทสามารถตอบได้สอดคล้องชัดเจนตั้งแต่หัวหน้าพรรคฯ ถึงผู้สมัคร ส.ส. จุดยืนชัดเจนตรงไปตรงมา ซึ่งทางนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะประกาศโรดแมปว่าถ้าได้เป็นรัฐบาลภายใน 100 วัน 1 ปี จะทำอะไรบ้าง และ 4 ปี ประชาชนจะได้อะไรบ้าง
อีกทั้งเมื่อบอกว่าพวกตนไม่มีประสบการณ์ทำงานบริหารประเทศ แล้วถ้าไม่ให้โอกาส ในทางกลับกันคนที่มีประสบการณ์เช่นพรรคการเมืองที่เคยบริหารประเทศมาแล้ว ถ้าดีจริงแล้วทำไมยังส่งมอบสังคมแย่ ๆ แบบนี้ให้พวกเรา ถ้าประชาชนบอกว่าไม่เอาแล้ว เลือกกี่ทีก็เหมือนเดิม เหลือหนทางเดียววันที่ 14 พ.ค. ให้โอกาสคนใหม่ ๆ แบบพรรคก้าวไกล เดี๋ยวจะทำให้ดูว่าคนใหม่เหล่านี้กล้าคิด กล้าฝัน กล้าลงมือทำในสิ่งที่คนเก่า ๆ ไม่กล้าทำ






ส่วนผู้สมัคร ส.ส. แบบแบ่งเขตของ จ.สมุทรสาคร ชัดเจนตรงไปตรงมา เป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ทั้ง 3 คน ตั้งใจอาสาเป็นผู้แทนประชาชน เกิดและเติบโตที่นี่เป็นคนธรรมดาแบบเรา ๆ ไม่ใช่มาจากบ้านใหญ่ตระกูลการเมืองอะไรทั้งสิ้น พรรคก้าวไกลมองที่จุดยืนความคิด ไม่ได้มองว่าใครเป็นตระกูลใด ต้องร่ำรวยมาจากไหนถึงจะมาสมัคร ส.ส. ได้ สำหรับทั้ง 3 คนนี้ ตนรับประกันว่ามีประสบการณ์เคยไปช่วยงาน ส.ส. หลายคนในสภามาแล้ว จากการที่พวกเขาได้หาเสียง มั่นใจว่าถ้าได้เป็นผู้แทนจะเป็นดาวสภา เป็นมืออภิปราย ทำงานในสภาได้อย่างดี แบบ ส.ส. พรรคก้าวไกลที่เคยเห็นในสภา
นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า การรณรงค์หาเสียงตอนนี้ในช่วงท้าย 14 วัน ก็เริ่มจะมียุทธวิธีแปลก ๆ ประเภทเลือกตั้งครั้งนี้จะต้องเลือกทางยุทธศาสตร์ ถ้าแข่งกันเองคะแนนเสียงจะตกน้ำ เดี๋ยวพรรคลุง ๆ เขาจะชนะ งวดที่แล้วตนลงเลือกตั้งเองก็ได้ยินให้ลงคะแนนทางยุทธศาสตร์ เลือกพรรคเดียว 4 ปีผ่านมาเอาอีกแล้ว ตนสงสัยว่าเดี๋ยวอีก 4 ปีข้างหน้าจะลงคะแนนทางยุทธศาสตร์อีกไหม ตกลงแล้วประเทศนี้ยุทธศาสตร์ของเขาคือเลือกพรรคเขาพรรคเดียวหรือ มันเป็นไปไม่ได้ แต่ละพรรคก็ต้องหาเสียง ถ้าพี่น้องประชาชนรักพรรคไหนก็เลือกพรรคนั้น
แล้วก็ไม่ต้องกังวลว่าระวังลุงตู่จะกลับมา เลือกก้าวไกลได้ประยุทธ์ จะเป็นไปได้อย่างไรเพราะทางพรรคฯ ตรวจสอบและวิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ฝ่ายตรงข้ามตลอด ถ้าอยากไล่ประยุทธ์ก็เลือกก้าวไกลให้ถล่มทลาย นอกจากไม่มีประยุทธ์ ก็ไม่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ด้วย แล้วชัดเจนตรงไปตรงมา ถามกี่ครั้งตอบแบบนี้หมด นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคฯ ก็ยืนยันชัดเจนว่า มีลุงไม่มีเรา มีเราไม่มีลุง ถ้าพี่น้องอยากให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี ให้พรรคก้าวไกลเป็นแกนนำรัฐบาล ก็เลือกก้าวไกลให้ถล่มทลาย
แต่ถ้าคะแนนเสียงมาไม่ถึงแล้วต้องไปตั้งรัฐบาลผสมกัน ถ้ามีพรรคพลังประชารัฐกับพรรครวมไทยสร้างชาติอยู่ด้วย พรรคก้าวไกลก็พร้อมเป็นฝ่ายค้าน ตั้งพรรคการเมืองมาต้องพร้อมรับทุกบทบาท มิใช่ตั้งหน้าตั้งตาเป็นรัฐบาลโดยไม่มีเงื่อนไข ไม่ดูจุดยืน ไม่มีอุดมการณ์อะไรเลย แต่ตนเชื่อว่าพี่น้องชาวสมุทรสาครและคนไทยทั่วประเทศครั้งนี้อยากให้โอกาสพวกเราไปบริหารประเทศแล้ว ก็เลือกพรรคก้าวไกลให้ถล่มทลาย ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งสิ้น





ทางด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ก็กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า พรรคก้าวไกลในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง 66 นี้ ใช้คำขวัญว่า “กาก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม” และ “การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต” พวกตนเดินทางไปทั่วประเทศตั้งแต่เหนือจรดใต้ ใน 4-5 ปีของการทำงานที่ผ่านมา แล้วก็พบว่าพี่น้องคนไทยจำนวนหนึ่งหมดความหวังกับการเลือกตั้งไปแล้ว พวกเขาบอกว่าเลือกตั้งครั้งไหนก็เหมือนเดิม นั่นคือเหตุผลที่ทางพรรคฯ เลือกใช้คำขวัญดังกล่าว เพราะเราเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าประเทศไทยดีกว่านี้ ไปไกลกว่านี้ได้ เริ่มต้นที่การเมืองดี เราอยู่วังวนการเมืองแบบนี้มา 17 ปีแล้วนับตั้งแต่รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ที่ยังส่งผลสะเทือนมาถึงประเทศไทยจนถึงทุกวันนี้
จะสร้างการเมืองที่ดีได้จะต้องฟื้นฟูประชาธิปไตยกลับขึ้นมา เช่น การปฏิรูปกองทัพ เพื่อให้อนาคตไม่มีรัฐประหารอีก ให้กองทัพอยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งเกาหลีใต้ทำสำเร็จแล้วประเทศเจริญเมื่อสถาปนาประชาธิปไตย การยกเลิกการเกณฑ์ทหารแบบบังคับ เป็นเพียงแค่ก้าวแรก ยังมีสิ่งที่ต้องทำอีกเยอะ เช่น การเอากองทัพออกจากการพาณิชย์และระบบเศรษฐกิจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นม้า มวย หวย โรงแรม สนามกอล์ฟ ศูนย์ประชุม หรืออสังหาริมทรัพย์ ต้องลดจำนวนนายพลลง ต้องแก้ไข พ.ร.บ.กลาโหมฯ ลดอำนาจยกเลิก กอ.รมน. มากไปกว่านั้นต้องกล้าปฏิรูประบบราชการ ที่ใหญ่โตเทอะทะไม่ตอบสนองความต้องการประชาชน ต้องกระจายอำนาจจากส่วนกลาง นำงบประมาณกลับมาให้แต่ละจังหวัดและท้องถิ่น มีโอกาสที่จะกำหนดทิศทางอนาคตเมืองของตัวเอง
ส่วนปากท้องดี ต้องต่อสู้กับทุนผูกขาด ยกเลิกนโยบายรัฐและกฎหมายที่เอื้อต่อกลุ่มทุนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มทุนพลังงาน และกลุ่มทุนคมนาคม รวมถึงการสร้างรัฐสวัสดิการที่ต้องปฏิรูประบบราชการ ต้องตัดงบประมาณที่ไม่จำเป็นออก กล้าที่จะเข้าไปหยุดการทุจริตคอรัปชัน และมีอนาคต ทุกอย่างต้องกลับไปที่การสร้างเทคโนโลยีของประเทศไทยเองให้ได้ วันนี้เราไม่มีการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยมานานแล้ว ต้องลงทุนในวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี เพื่อจะได้มีขีดความสามารถในการแข่งขัน ส่งออกได้ ลูกหลานมีงานทำในอุตสาหกรรม รวมถึงการเข้าถึงน้ำประปาที่ใสสะอาด ดื่มได้ มีให้ใช้ตลอด 24 ชั่วโมง เท่าเทียมกันทั่วประเทศ ซึ่งต้องใช้เทคโนโลยีเข้าไปจัดการ





ทั้งนี้ การกาก้าวไกล 2 ใบ ใบหนึ่งแบบบัญชีรายชื่อ ไปปักธงความคิดในสังคมไว้ให้ไกล ว่าแต่ละนโยบายไม่ใช่ความสุดโต่ง คนไทยอยากเห็นความก้าวหน้า ยิ่งเยอะเท่าไหร่จะเป็นความสามัญธรรมดา ส่วนอีกใบแบบแบ่งเขต เลือกผู้สมัคร ส.ส. ของก้าวไกลไปรับใช้ประชาชน ตนยืนยันด้วยตัวเองว่าผู้สมัครทั้ง 3 คนนี้ไม่ทรยศประชาชนแน่นอน ถ้าพวกเขาทรยศประชาชน ธนาธรจะไม่มีหน้ามาปราศรัยที่สมุทรสาครอีกเลย ถ้าอยากได้นโยบายของพรรคก้าวไกล ก็ช่วยกันรณรงค์ เป็นหัวคะแนนธรรมชาติให้พวกเรา 14 พ.ค. นี้ กาก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม เหลืออีก 2 สัปดาห์มาช่วยกันทำให้พรรคก้าวไกลเป็นแกนนำรัฐบาล ให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี จะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง




สาครออนไลน์ โดย กิตติกร นาคทอง