5 เสือแรงงาน-นอภ.กระทุ่มแบน รุดเยี่ยมบ้านแรงงานในอิสราเอล พบ 17 รายอยู่ จ.สมุทรสาคร

5 เสือแรงงาน จังหวัดสมุทรสาคร พร้อมนายอำเภอกระทุ่มแบน เยี่ยมบ้านแรงงานไทยในอิสราเอล พื้นที่ ต.ท่าไม้ หลังยื่นขอเดินทางกลับประเทศ เพราะอยู่ใกล้ฉนวนกาซา เผยมีคนสมุทรสาคร 17 รายอาศัยอยู่ในอิสราเอล ญาติเผยสุดห่วงพี่ชายอยู่พื้นที่เสี่ยง อยากให้รัฐบาลเร่งช่วยพากลับประเทศ

จากกรณีกลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธชาวปาเลสไตน์ เปิดฉากปฏิบัติการทางทหารด้วยการระดมยิงจรวดจากฉนวนกาซาเข้ามาในพื้นที่อิสราเอล ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 7 ต.ค. 2566 ตามเวลาท้องถิ่น พร้อมทั้งส่งกองกำลังติดอาวุธหลายสิบคนแทรกซึมเข้าไปโจมตีในหลายเมืองทางตอนใต้ของอิสราเอล และจับตัวประกันไว้หลายคน จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก หนึ่งในนั้นมีแรงงานไทยจำนวนหนึ่งถูกจับเป็นตัวประกัน อีกทั้งได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

ขณะที่สถานการณ์สู้รบระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ยังคงดำเนินต่อไป สำหรับแรงงานไทยที่ไปทำงานในอิสราเอลพบว่ามีจำนวนราว 25,000 คน ในจำนวนดังกล่าวอยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร 17 คน เบื้องต้นมี 1 รายที่ได้ยื่นแสดงความจำนงผ่านกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อขอเดินทางกลับประเทศไทยแล้ว เนื่องจากอยู่ในพื้นที่เสี่ยงใกล้กับฉนวนกาซา คือ นายสุรสิทธิ์ ชูชื่น อายุ 39 ปี ลูกจ้างภาคเกษตรกรรม

จากกรณีดังกล่าว วันนี้ (10 ต.ค.) เวลา 10.00 น. ทางหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงแรงงาน หรือ 5 เสือแรงงาน จังหวัดสมุทรสาคร ประกอบด้วย น.ส.พินยุดา แจ่มจันทร์ศรี แรงงานจังหวัดสมุทรสาคร นายวันชัย สาครมณีรัตน์ จัดหางานจังหวัดสมุทรสาคร น.ส.สุวดี ทวีสุข สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสมุทรสาคร นายวิระ อุ่นอก ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 27 สมุทรสาคร นางชณิการ์ โกวะประดิษฐ์ ประกันสังคมจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วย นายบรรพต จันทรวงษ์ นายอำเภอกระทุ่มแบน และผู้นำชุมชน ร่วมกันลงพื้นที่เยี่ยมบ้านของนายสุรสิทธิ์ เลขที่ 354 หมู่ 4 ต.ท่าไม้ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร โดยได้พบกับนายสุทธิศักดิ์ ชูชื่น อายุ  37 ปี ผู้เป็นน้องชายของนายสุรสิทธิ์

โดยนายสุทธิศักดิ์ เปิดใจว่า ทุกคนต่างก็รู้สึกเป็นห่วงพี่ชายเป็นอย่างมาก อยากให้เดินทางกลับมาประเทศไทยเร็ว ๆ  โชคยังดีที่ทุกวันนี้ทางบ้านยังสามารถติดต่อกับพี่ชายได้ จึงพอทำให้คลายความกังวลใจลงไปได้ในระดับหนึ่ง แม้จะยังต้องหลบอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งพี่ชายได้ตัดสินใจเดินทางไปทำงานในอิสราเอลเมื่อราว 2 ปีก่อน กับบริษัทจัดหางานรายหนึ่ง เพราะต้องการหาเงินมาให้กับครอบครัว เนื่องจากงานที่ทำอยู่ได้เงินไม่เพียงพอต่อรายจ่าย ซึ่งตนเองและครอบครัวก็ไม่อยากให้พี่ชายไปทำงานต่างประเทศ แต่ก็เคารพการตัดสินใจของพี่ชายเสมอมา กระทั่งมาเกิดเหตุสงครามครั้งนี้ ตอนแรกพี่ชายก็บอกว่ายังไม่กลับเพราะต้องการอยู่ทำงานต่อ แต่เมื่อเช้าที่ผ่านมาพี่ชายบอกว่าอยากกลับประเทศไทยแล้ว เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ตนเองก็อยากให้พี่ชายได้เดินทางกลับมาบ้านโดยเร็วที่สุด และจะไม่ยอมให้กลับไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลอีกแล้ว

ขณะที่นายวันชัย สาครมณีรัตน์ จัดหางานจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยว่า จากการสำรวจตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า จังหวัดสมุทรสาครมีแรงงานไทยเดินทางไปทำงานในประเทศอิสราเอลจำนวน 17 คน ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ปลอดภัย และยังไม่มีผู้ใดได้รับอันตรายแต่อย่างใดทั้งสิ้น มีเพียงนายสุรสิทธิ์ ชูชื่น แรงงานไทยรายนี้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง แต่ก็ได้ยื่นเรื่องต่อกระทรวงการต่างประเทศผ่านแอปพลิเคชันเพื่อขอเดินทางกลับประเทศไทยแล้ว คาดว่าเร็ว ๆ นี้ จะได้เดินทางกลับมาประเทศไทยตามที่รัฐบาลไทยได้เตรียมให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนแน่นอน ซึ่งก็ขอให้เชื่อมั่นว่ารัฐบาลไทยจะให้การดูแลพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนอย่างดีที่สุด และให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่เพื่อให้ทุกชีวิตมีความปลอดภัย

นอกจากนี้ทางคณะ 5 เสือแรงงาน จังหวัดสมุทรสาคร ยังได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 107/ 489 หมู่ 5 ต.ท่าไม้ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นบ้านของแรงงานไทยที่ไปทำงานในอิสราเอลอีกรายหนึ่ง โดยที่บ้านหลังนี้เป็นเพียงบ้านของลุงกับป้า ส่วนบ้านแม่ของแรงงานไทยรายนี้อยู่ที่ จ.ระยอง จากการที่ได้พูดคุยกับแม่ของแรงงานไทยผ่านทางโทรศัพท์ ก็ทราบว่า แรงงานไทยรายนี้ไปทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ปลอดภัย โดยลูกชายสมัครใจที่จะอยู่ต่อไป และไม่แสดงความจำนงขอกลับประเทศไทย ซึ่งทางแม่นั้นแม้จะได้พูดคุยกับลูกผ่านวีดีโอคอลเห็นว่าลูกชายและลูกเขยปลอดภัยดี แต่ใจจริงก็อยากให้กลับมาประเทศไทยเช่นเดียวกัน ส่วนจะกลับหรือไม่นั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของลูกชาย

สาครออนไลน์ เรียบเรียงโดย กองบรรณาธิการ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *