
ปศุสัตว์จังหวัดสมุทรสาคร ร่วมกับสำนักงานประมงจังหวัดฯ กอ.รมน. ตำรวจ และฝ่ายปกครอง เข้าตรวจสอบห้องเย็นแห่งหนึ่งย่าน ต.มหาชัย พบซากสุกรสงสัยลักลอบนำเข้าล็อตใหญ่กว่า 1 แสนกิโลกรัม จึงอายัดไว้ตรวจสอบ พร้อมเร่งให้เจ้าของสินค้านำหลักฐานมาแสดงภายใน 15 วัน
วันนี้ (2 พ.ย.) สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดสมุทรสาคร ร่วมกับด่านกักกันสัตว์เพชรบุรี สำนักงานประมงจังหวัดสมุทรสาคร กอ.รมน.จว.สมุทรสาคร ฝ่ายปกครอง ตำรวจสอบสวนกลาง และตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสาคร เข้าตรวจสอบห้องเย็นแห่งหนึ่ง ย่านถนนวิเชียรโชฎก ต.มหาชัย อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร หลังจากที่เมื่อวานนี้ (1 พ.ย.) นสพ.สาโรช จันทร์ลาด ปศุสัตว์จังหวัดสมุทรสาคร ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดสมุทรสาคร เข้าตรวจสอบห้องเย็นดังกล่าว พบว่ามีสินค้าปศุสัตว์นำเข้าจากประเทศบราซิลเป็นจำนวนมาก จึงได้ทำการยึดอายัดสินค้าและล็อคประตูห้องเย็นไว้ เพื่อรอตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
และจากการตรวจสอบห้องเย็นดังกล่าวในครั้งนี้ พบซากสุกร ประกอบด้วย เนื้อ หนัง เครื่องใน ขาหมู จำนวน 126,600 กิโลกรัม และซากสัตว์ปีก (ปีกไก่) จำนวน 480 กิโลกรัม รวมจำนวนทั้งสิ้น 127,080 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่าประมาณ 19 ล้านบาท โดยผู้ประกอบการไม่สามารถนำเอกสารหลักฐานมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้ จึงได้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 และทำการยึดอายัดซากสัตว์ดังกล่าวไว้ตรวจสอบ

นสพ.สาโรจน์ จันทร์สาด ปศุสัตว์จังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยว่า การเข้าตรวจสอบในครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่สั่งตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษฯ ร่วมกับ หน่วยงานในพื้นที่ ดำเนินการปราบปรามลักลอบการนำสินค้าประมงเข้าสู่ประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรในประเทศ รวมถึงการแทรกแซงกลไกการตลาดทำให้สินค้าเกษตรราคาตกต่ำ และยังรวมไปถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคด้วยนั้น
ซึ่งห้องเย็นแห่งนี้เป็นเพียงที่รับฝากแช่สินค้าเท่านั้น จึงยังไม่มีการตั้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใดทั้งสิ้น รอให้ทางผู้นำสินค้ามาฝากแช่นำเอกสารมาสำแดง เพื่อการตรวจสอบที่มาที่ไปของสินค้า ส่วนสินค้าทั้งหมดต้องทำการอายัติไว้ก่อนจนกว่าข้อเท็จจริงจะปรากฏ ทั้งนี้ สำหรับการตรวจสอบห้องเย็นระยะที่ 2 นี้ จ.สมุทรสาคร มีเป้าหมาย142 แห่ง ขณะนี้ได้ดำเนินการตรวจสอบแล้ว 73 แห่ง ส่วนที่เหลือก็จะเร่งเข้าตรวจสอบต่อไปตามห้วงระยะเวลาที่กำหนด


ขณะที่ทางด้านกรมปศุสัตว์ โดย นสพ.สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีนโยบายกำหนดมาตรการประกาศสงครามกับสินค้าเกษตรเถื่อน มุ่งปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรด้านพืช ประมง และปศุสัตว์ที่ผิดกฎหมายอย่างจริงจัง กรมปศุสัตว์จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์เข้าตรวจสอบห้องเย็นทั่วประเทศ
สำหรับผู้ประกอบการที่ไม่มีเอกสารเคลื่อนย้ายซากสัตว์มาแสดง จึงมีความผิดตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 มาตรา 22 เมื่อได้ประกาศกำหนดเขตโรคระบาดชั่วคราวหรือประกาศกำหนดเขตโรคระบาดหรือเขตเฝ้าระวังโรคระบาด ห้ามมีให้ผู้ใดเคลื่อนย้ายสัตว์หรือซากสัตว์ตามที่กำหนดในประกาศดังกล่าว เข้า ออก ผ่าน หรือภายในเขตนั้น เว้นแต่ใด้รับใบอนุญาตเป็นหนังสือจากสัตวแพทย์ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบประจำเขตนั้นทุกครั้งที่มีการเคลื่อนย้าย ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 31 ผู้ใดนำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านราชอาณาจักรซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดี หรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา 34 ผู้ใดนำสัตว์หรือซากสัตว์ดังต่อไปนี้ไปยังท้องที่จังหวัดอื่นต้องทำเครื่องหมายประจำตัวสัตว์ และต้องได้รับใบอนุญาตจากสัตวแพทย์ประจำท้องที่ต้นทางทุกครั้ง มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการยึดอายัดซากสัตว์ดังกล่าวไว้ตรวจสอบ และให้ผู้ประกอบการนำเอกสารหลักฐานมาแสดงแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ทำบันทึกอายัดซากไว้ หากไม่สามารถนำเอกสารหลักฐานมาแสดงแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ พนักงานเจ้าหน้าที่จะดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนในความผิดตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 สำหรับห้องเย็นที่รับฝากสินค้าเหล่านี้ กรมปศุสัตว์จะทำหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
หากประชาชนต้องการข้อมูลเพิ่มเติม หรือพบเห็นการกระทำผิดด้านปศุสัตว์ โปรดติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอรับข้อมูล หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิดเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย โดยแจ้งผ่านคอลเซ็นเตอร์ 063-225-6888 หรือแอปพลิเคชันระบบปศุสัตว์ไทย DLD 4.0 ที่ดาวน์โหลดและติดตั้งได้ในโทรศัพท์ทุกระบบ

สาครออนไลน์ เรียบเรียงโดย กองบรรณาธิการ