พิธีกรและเจ้าของ บ.ออแกไนเซอร์ ร้องถูกพนักงานขนส่งเอกชนบุกทวงเงินค่าพัสดุตอนตี 1 แถมบีบแตร-ด่าคนในบ้านเสียงดัง สุดท้ายพนักงานขนส่งเข้ามาขอโทษเคลียร์ใจ จบลงด้วยดี
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 1 เม.ย. 2567 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 55/118 หมู่ 6 ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร เพื่อพบกับนางอมลวรรณ มณีณัฐสิทธิ์ อายุ 60 ปี เจ้าของบ้าน จากกรณีที่ถูกชายซึ่งเป็นพนักงานขนส่งเอกชนแห่งหนึ่งดูหมิ่นซึ่งหน้า เหตุเกิดเมื่อเวลา 01.13 น. ของวันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา และได้มีการแจ้งความกับทางพนักงานสอบสวน สภ.โคกขาม จ.สมุทรสาคร วานนี้ (31 มี.ค.)
โดยนางอมลวรรณ เล่าว่า วันที่เกิดเหตุตอนกลางวันตนไปทำงานกับนายนภัสรพี มณีณัฐสิทธิ์ ซึ่งเป็นลูกชาย พอดีพนักงานขนส่งโทรมาบอกว่าเขาเอาของมาส่ง และลูกชายตนบอกว่าถ้าให้โอนเงินตอนนี้ไม่สะดวก เพราะทำงานอยู่ เขาก็เอาของวางไว้ที่บ้านให้ และลูกชายบอกเดี๋ยวโอนเงินไปให้ ต่อมาในคืนเกิดเหตุ พนักงานขนส่งมาตะโกนและเบิ้ลเครื่องรถ พร้อมบอกว่า พี่นภัสรพีครับ ผมมาเก็บค่าพัสดุครับ ซึ่งเมื่อตนได้ยินเสียงสุนัขเห่าจึงเปิดประตูออกมา และบอกว่ามาตะโกนทำอะไร ทำไมไม่กดกริ่ง และเขาก็หาว่าตนด่าเขา ตนก็ถามว่าค่าของเท่าไร เขาบอก 259 บาท ตนก็ให้เงินเขาไป จากนั้นเขาก็ยังพูดอีกพร้อมด่าตน ตนก็บอกว่าที่ตนพูดเสียงดังเพราะเป็นคนพูดเสียงดังอยู่แล้ว
หลังจากนั้นตนก็รอให้เขามาขอโทษเขาก็ไม่มา ตนจึงไปแจ้งความเพราะตนก็กลัว เมื่อพนักงานขนส่งคนดังกล่าวเห็นคลิปกล้องวงจรปิดถูกโพสต์ลงในติ๊กต็อกจึงได้เข้ามาขอโทษตน ซึ่งตนก็จะยกโทษและไปถอนแจ้งความให้ จะได้จบด้วยกันทั้งสองฝ่าย เพราะเราก็สงสารน้องเขาเหมือนกันกลัวน้องไม่มีงานทำ ซึ่งตนพร้อมให้อภัย แต่ขออย่าให้น้องไปทำแบบนี้กับใครเขาอีก
ทางด้านนายนภัสรพี มณีณัฐสิทธิ์ อายุ 37 ปี อาชีพรับงานพิธีกรและเจ้าของบริษัทออแกไนซ์ ซึ่งเป็นลูกชายของนางอมลวรรณฯ บอกว่า ตนตกใจหลังจากแม่โทรมาหาตนหลังเกิดเหตุ จึงกลับมาบ้านและตรวจกล้องวงจรปิด ประเด็นคือปกติขนส่งที่มาส่งประจำเขาจะรู้เพราะมาส่งที่บ้านบ่อย เขาจะวางของไว้ให้และตนก็จะโอนเงินไปให้เขาหลังจากเสร็จงานหรือบางทีก็อีกวันก็ไม่ว่า เพราะว่าตนงานยุ่งหรือบางทีก็ลืม ต้องขอโทษน้องพนักงานขนส่งด้วยเพราะบางทีก็ลืมจริง ๆ
ส่วนอีกประเด็นทำไมต้องมาดึก ถ้าเกิดน้องพนักงานขนส่งมาประมาณ 2-3 ทุ่มก็จะไม่ว่า หรือมาดึกแบบนั้นและพูดจาดี ๆ ตนก็ไม่โกรธอะไร เพียงแต่ว่าเขามาด้วยน้ำเสียงแบบนั้น บีบแตรเสียงดัง รวมถึงการใช้คำพูดที่ด่าคุณแม่ ซึ่งตนเป็นลูกก็เลยยอมไม่ได้ ซึ่งตนก็ให้เวลา 4 วันเพื่อให้น้องมาขอโทษ แต่น้องก็ไม่ติดต่อกลับมา ก็เลยต้องดำเนินคดีเพื่อปกป้องคุณแม่ และหลังจากน้องเขามาขอโทษแล้ว ตนก็จะยอมถอนแจ้งความให้และจบลงด้วยดี
ทางฝั่งของ นายสุริยะ ใจหาญ พนักงานขนส่งเอกชนซึ่งเป็นคู่กรณี เล่าว่า วันเกิดเหตุขณะที่มาส่งพัสดุเวลา 14.00 น. แล้ว ได้ส่งข้อความไปให้ และพี่เขาจะโอนเงินตามมาให้ทีหลัง หลังจากนั้นประมาณ 17.00 น. ตนได้ติดต่อพี่เขาไปอีกว่ายังไม่โอนเงิน และพี่เขาบอกว่าเดี๋ยวโอนให้เลย ตนก็เลยโอเค ซึ่งหลังจากวางสายเสร็จตนก็กลับไปนอน และตื่นขึ้นมาอีกประมาณ 24.00 น. ตนก็ติดต่อพี่เขาไปอีกครั้ง เพราะยอดเงินยังไม่เข้า โดยติดต่อทั้งโทรหา ส่งข้อความหา ก็ติดต่อไม่ได้ จนกระทั่งประมาณ 01.00 น. ตนจึงขี่รถจักรยานยนต์มาที่บ้านเขาพร้อมบีบแตร กดกริ่งเรียก และส่งเสียงดังเพื่อเรียกคนในบ้านออกมา
พอมีคุณป้าออกมาก็ถามว่ามีอะไร ตนก็บอกมาเก็บเงินค่าพัสดุ จากนั้นคุณป้าก็เข้าไปเอาเงินมาให้ และเขาก็มาบอกตนว่าทำไมต้องเสียงดัง ตนก็เลยมีอารมณ์กลับไป และมีการด่ากันเกิดขึ้น ซึ่งที่ตนมาเก็บเงินช่วง 01.00 น. นั้นเพราะตนเพิ่งตื่น ถ้าเป็นลูกค้าปกติของตนถ้าส่งช่วงบ่ายประมาณ 19.00 น. ถ้าไม่โอนมาตนก็เข้าไปหาเขาแล้ว ยอดเงิน 249 บาท แต่มันมีผลกระทบต่อบริษัทขนส่ง ไม่ว่าจะบาทสองบาท ถ้าเราไม่สามารถโอนให้บริษัทฯ ได้ ตนก็อาจถูกดำเนินคดี โดนไล่ออกจากงานได้ ซึ่งตนต้องปิดยอดก่อน 21.00 น. แต่วันนั้นตนได้โอนเงินแทนพี่เขาไปแล้ว แต่ตนก็ไม่มั่นใจในตัวพี่เขาว่าจะโอนเงินให้ตนหรือเปล่า เพราะเพิ่งเคยส่งครั้งแรก ตนก็เลยมาทวง ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันก็เป็นความรู้สึกผิดของตนที่ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ และตนรู้สึกโอเคหลังมีการพูดคุยกันแล้ว ก็มาขอโทษพี่เขาที่มาเสียมารยาทใส่แม่ของพี่เขา
สาครออนไลน์ เรียบเรียงโดย กองบรรณาธิการ