
สำนักงาน ป.ป.ท. เขต 7 จัดโครงการพัฒนาประสิทธิภาพฯ ศูนย์ประสานงานเครือข่ายภาคประชาสังคมส่งเสริมธรรมาภิบาลและต่อต้านการทุจริต นำเครือข่ายภาคประชาสังคม 4 จังหวัด รับฟังบรรยายความรู้เกี่ยวกับการทุจริต ปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ผลประโยชน์ทับซ้อน ฯลฯ และร่วมระดมความคิดเห็น
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 22 ก.พ. ที่ห้องเวลาดี 1 โรงแรม ณ เวลา ต.ดอนตะโก อ.เมืองฯ จ.ราชบุรี นายชยาวุธ จันทร ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี เป็นประธานในพิธีเปิด “โครงการพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารจัดการ ศูนย์ประสานงานเครือข่ายภาคประชาสังคมส่งเสริมธรรมาภิบาลและต่อต้านการทุจริตของสำนักงาน ป.ป.ท. เขต 7 ประจำปี 2562” โดยมีเครือข่ายภาคประชาสังคมของจังหวัดราชบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร และนครปฐม จำนวน 100 คน เข้าร่วมโครงการ






พ.ต.ท.เทอดศักดิ์ พุฒซ้อน ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ท. เขต 7 เปิดเผยว่า การจัดโครงการฯ ครั้งนี้ สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 63 ที่ระบุว่า รัฐต้องส่งเสริม สนับสนุน และให้ความรู้แก่ประชาชนถึงอันตรายที่เกิดจากการทุจริตและประพฤติมิชอบทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนฯ และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี กำหนดในยุทธศาสตร์ที่ 6 ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ ฯลฯ
สำนักงาน ป.ป.ท. จึงได้จัดตั้ง “ศูนย์ประสานงานเครือข่ายภาคประชาสังคมส่งเสริมธรรมาภิบาลและต่อต้านการทุจริต” เพื่อเป็นศูนย์กลางในการขับเคลื่อนและประสานความร่วมมือกับภาคประชาสังคมในการเฝ้าระวัง ตรวจสอบ และติดตามการทุจริตในภาครัฐ ซึ่งโครงการดังกล่าว จัดขึ้นเพื่อเป็นการต่อยอดและพัฒนาศูนย์ประสานงานฯ ให้มีการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง




โดยมีกิจกรรมการบรรยายพิเศษ เรื่อง บทบาทเครือข่ายภาคประชาสังคมกับการมีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ และการบรรยายให้ความรู้ ในหัวข้อความรู้ความเข้าใจทั่วไปเกี่ยวกับการทุจริตและการปลูกจิตสำนึกด้านคุณธรรมจริยธรรม การแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตน ผลประโยชน์ส่วนรวม และผลประโยชน์ทับซ้อน รวมถึงกิจกรรมกลุ่มเพื่อระดมความคิดเห็น
สำหรับ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ สำนักงาน ป.ป.ท. จัดตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ.มาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2551 เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2551 มีฐานะเป็นส่วนราชการระดับกรม สังกัดกระทรวงยุติธรรม ขึ้นตรงต่อ รมว.ยุติธรรม ต่อมาเมื่อปี 2559 ได้มีการแก้ไข เพิ่มเติม พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าว ให้สำนักงาน ป.ป.ท. เป็นส่วนราชการที่ไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวง ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี




ปัจจุบันในปี 2562 ได้วางแนวทางในการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาการทุจริต ตามนโยบายของรัฐบาล โดยเข้มงวดใน 3 เรื่องสำคัญ เพื่อพลิกโฉมใหม่ของสำนักงาน ป.ป.ท. (NEW) คือ 1. การสร้างเครือข่าย (Network) กับองค์กรภาครัฐ ภาคประชาชน และในระดับองค์กรนานาชาติให้มากยิ่งขึ้น 2. บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง (Enforcement) เพื่อให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย โดยการทำงานด้วยความอดทนและกล้าหาญ และ 3. ให้ความรู้เตือนสติ (Warning) เพื่อให้เกิดความตระหนักในเรื่องการทุจริต เพราะหากไม่ทำอะไรกับการทุจริตที่เกิดขึ้นก็จะสร้างความเสียหายต่อประเทศชาติได้รุนแรงขึ้นเช่นกัน
สาครออนไลน์ โดย กิตติกร นาคทอง