“ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร” ยันไม่มีต่างด้าวหลบหนี หลังภาพกำแพงตลาดกุ้งฯ ถูกทุบว่อนโซเชียล

จังหวัดสมุทรสาครแถลงสถานการณ์โควิด-19 ชี้แจงกรณีภาพกำแพงถูกทุบหลังตลาดกลางกุ้งฯ เป็นช่องทางสัญจรมากว่า 1 ปี มีการล้อมลวดหนาม จัดเจ้าหน้าที่เวรยามแล้ว วอนอย่าคิดว่า 4,000 คนในนั้นเป็นนักโทษ เอาใจเขามาใส่ใจเรา

เมื่อเวลา 13.50 น. วันที่ 22 ธ.ค. ที่ห้องประชุมมหาชัย ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พร้อม พล.ต.ต.อภิชาติ วรรณภักดิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร และ นพ.อนุกูล ไทยถานันดร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมุทรสาคร ร่วมกันแถลงข่าวสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งขณะนี้มียอดผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 1,063 ราย

สำหรับกรณีที่มีข้อมูลปรากฎทางโซเชียลมีเดีย ว่ามีการทุบกำแพงด้านหลังตลาดกลางกุ้งจังหวัดสมุทรสาคร และหอพักศรีเมือง ซึ่งทางจังหวัดสมุทรสาครได้กำหนดพื้นที่ควบคุมโรคเด็ดขาดเพื่อหลบหนีนั้น นายวีระศักดิ์ เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว พบว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด จุดดังกล่าวเป็นช่องกำแพงซึ่งชาวบ้านบริเวณนั้นใช้สัญจรออกมาประมาณ 1 ปีแล้ว เจ้าหน้าที่ได้อำนวยการลงรั้วลวดหนามแล้ว เมื่อปรากฎเป็นข่าวก็ได้มีการเสริมรั้วให้หนาแน่นมั่นคงมากขึ้น มีเจ้าหน้าที่เวรยามประจำจุด ภายหลังมีการเพิ่มเติม การติดตั้งไฟส่องสว่างด้วย จากการตรวจสอบไม่พบว่ามีแรงงานต่างด้าวลักลอบเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ควบคุมในช่องทางดังกล่าวแต่อย่างใด แต่ก่อนที่จะถึงวันที่ดำเนินการประกาศให้เป็นเขตควบคุม ก็อาจจะมีการออกไปซื้อของโดยช่องทางดังกล่าวนี้อยู่ ภายหลังรองผู้บังคับการตำรวจภูธรภาค 7 ได้เดินทางไปในจุดดังกล่าว ตรวจสอบดูอย่างละเอียด และสอบถามทั้งคนภายนอก-ภายใน ว่าช่องทางดังกล่าวไม่พบว่ามีการหลบหนีของแรงงานต่างด้าว

ขอเรียนให้พี่น้องประชาชนทราบว่า กรณีดังกล่าวต้องช่วยกันว่า ชาวเมียนมาที่อยู่ในส่วนนั้นไม่ใช่เป็นนักโทษ ผู้ต้องหา ไม่ได้กระทำความผิด เพียงแต่ว่าตอนนี้เรามาช่วยกันเพื่อดูแลให้พวกเขาอยู่ในนั้น เพื่อความปลอดภัยของตัวเขาเอง รวมถึงพี่น้องประชาชนคนสมุทรสาคร และประเทศไทยทั้งมวล ดังนั้นอย่ามีความไปรู้สึกว่าเขาไม่ทราบจริง ๆ เพราะสื่อความหมายกันไม่รู้เรื่อง เขาเดินออกมาซื้อของก็ไปตีความว่าเขาหลบหนี  อย่าไปคิดว่าเป็นแบบนั้น สิ่งที่ตนเป็นห่วงนั้น พอพวกเราไปกระทำเสมือนหนึ่งว่าเขาเป็นนักโทษ เขาทุบกำแพงหลบหนีเข้ามา เขาก็มีความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเพราะเป็นมนุษย์ปุถุชน ซึ่งมันไม่ใช่ เราต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา ถ้าเกิดเป็นเราขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้เป็นผู้พบเชื้อ แต่เป็นหนึ่งใน 4,000 คนที่อยู่ในตลาดกลางกุ้งฯ หรือหอพักศรีเมือง เราจะรู้สึกอย่างไร ถ้าเกิดเป็นแบบนั้นจริงก็ทุกข์ใจเหมือนกัน

ดังนั้นสิ่งที่ตนเป็นห่วงและเป็นกังวล คือเรื่องความวิตกกังวล ความเครียดที่คนอยู่ในนั้นสะสม คงไม่ใช่แค่เรื่องกำแพงนี้ ห่วงว่าพอมีเรื่องหนักเข้า เกิดการรวมตัวกัน จับกลุ่มกันเพื่อประท้วง ถึงกระนั้นเขาคงไม่ทุบกำแพง แต่จะรื้อรั้วลวดหนามออกมา คิดดูว่า 4,000 คนนั้นไม่ใช่น้อย เพียงแต่เราขอความร่วมมือว่าให้เขาอยู่ในที่จำกัด และความร่วมมือจะ จะประสบความสำเร็จได้นั้น ต้องช่วยกันทำบรรยากาศให้ดี ให้เขาอยู่อย่างมีความสุขพอสมควร ไม่ใช่หมายถึงไปบริการแบบโรงแรมห้าดาว ทำอย่างไรให้เขาอยู่ในนั้น มันไม่ใช่เป็นดินแดนอันตราย อยู่ในระหว่างช่วงหลบภัยในนั้น ซึ่งเป็นแบบนี้แล้วคนที่อยู่ในนั้นจะรู้สึกอย่างไร

อีกทั้งยิ่งเราเสพข่าว พูดเรื่องนี้กันมาก ๆ เข้า ซึ่งคนในนั้นก็รู้เรื่อง เพราะมีโทรศัพท์มือถือติดต่อเหมือนกับเรา ตนไม่อยากให้เป็นเรื่องความรู้สึกของคนนอกกำแพงกับหลังกำแพงที่ไม่เหมือนกัน อยากให้รู้สึกเหมือนกันว่าเรากำลังสู้กับโควิด-19 อยู่ด้วยกัน สู้กับโรคร้ายที่ทำให้สถานการณ์ประเทศไทย และจังหวัดสมุทรสาครมีความไม่ปลอดภัย ต้องช่วยกันจับมือประสานกัน ถ้าทำอย่างนี้ตนว่าจะเป็นการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสแห่งความรักความสามัคคี เพราะเชื้อโควิด-19 ไม่เลือกว่าจะเป็นคนเมียนมาหรือคนไทย ก็ติดเชื้อได้เหมือนกัน และติดต่อได้ทุกเวลา

สาครออนไลน์ โดย กิตติกร นาคทอง     

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *