สมุทรสาครพร้อมรับมือโควิดระลอกใหม่ หลังถูกปรับเป็นพื้นที่สีแดง จ่อปรับปรุง รพ.สนาม 3 แห่ง

รองผู้ว่าฯ ธีรพัฒน์ เผยเหตุปรับสมุทรสาครเป็นพื้นที่สีแดง ร่วมกับ 18 จว. เพราะมีพื้นที่ติดกับ กทม. ต้องร่วมมือกับคนทั้ง ปท. ผ่านไปด้วยกัน เตรียมปรับปรุง รพ.สนาม 3 แห่งให้สะดวกขึ้น แยกผู้ป่วยต่างด้าว-คนไทยชายและหญิง

นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยภายหลังที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. มีมติยกระดับมาตรการป้องการการแพร่ระบาดของโควิด-19 ปรับพื้นที่จังหวัดควบคุมสูงสุด (สีแดง) 18 จังหวัด รวมถึง จ.สมุทรสาคร และพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) อีก 59 จังหวัดที่เหลือ ว่า หลังจากที่ ศบค. มีการแถลงข่าวแล้ว ในที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสมุทรสาคร ก็ได้รับทราบถึงแนวทางและวิธีการปฏิบัติตามที่ ศบค.กำหนด แล้วก็จะต้องดำเนินการประชุมเพื่อหารือในการออกคำสั่งเพื่อให้สอดคล้องกับทาง ศบค.ต่อไป

สำหรับประเด็นการถูกปรับให้เป็นพื้นที่สีแดง แม้ จ.สมุทรสาคร สามารถแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดจนเบาบางลง แล้วได้รับการปรับให้เป็นพื้นที่สีส้มเมื่อไม่นานมานี้ นายธีรพัฒน์ ชี้แจงว่า น่าจะเป็นแนวทางของกระทรวงสาธารณสุขที่มีการปรับพื้นที่ใหม่คงเหลือแค่ 2 สี คือ สีแดง กับ สีส้ม สำหรับ จ.สมุทรสาคร ส่วนตัวคิดว่าเพราะมีพื้นที่ติดต่อกับกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งมีการเคลื่อนย้ายของคนได้ง่าย ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อได้ง่ายเช่นเดียวกัน ดังนั้น จ.สมุทรสาคร จึงเป็นพื้นที่สีแดงในกลุ่ม 18 จังหวัดนี้ด้วย ซึ่งก็ต้องยอมรับว่ามีผลกระทบกับเศรษฐกิจของจังหวัดอยู่บ้าง ต้องเรียนว่าเป็นนโยบายที่มีความจำเป็นต้องทำในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ประมาณ 14 วัน ซึ่งเมื่อผ่านพ้นไปแล้ว ก็คาดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายและดีขึ้นเป็นลำดับ

ส่วนเสียงสะท้อนของภาคเอกชนและประชาชนต่อการปรับให้ จ.สมุทรสาคร เป็นพื้นที่สีแดงนั้น ต้องเรียนให้ประชาชนเข้าใจว่าคงไม่มีใครอยากให้สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วหน้าที่ของคนไทยซึ่งก็คือพี่น้องประชาชนทั้งใน จ.สมุทรสาครและทั่วประเทศ จะต้องร่วมมือร่วมใจกันที่จะช่วยกันแก้ไขปัญหานี้ให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ซึ่งตนก็ขอขอบคุณพี่น้องชาว จ.สมุทรสาครที่ให้ความร่วมมือด้วยดีตลอดมา และเมื่อเราทราบบทเรียนเกี่ยวกับโควิด-19 แล้ว ก็ควรรักษามาตรการ DMHTT เอาไว้ โดยเฉพาะเรื่องของการสวมแมสก์ การใช้เจลล้างมือ ไม่จัดงาน ไม่รวมคนกลุ่มมาก เป็นต้น ถือเป็นสิ่งที่สำคัญและจะช่วยให้เรารอดพ้นจากโควิด-19 ไปได้อย่างแน่นอน ซึ่งถ้าประเมินจากตัวเลขที่ผ่านมาในช่วงสงกรานต์ และการประชุมหารือร่วมกันมาโดยตลอด จะพบว่า จ.สมุทรสาคร มีตัวเลขที่ขยับขึ้นไม่มากนัก แต่อาจจะมีขึ้นมากกว่าเดิม เนื่องจากไปสัมผัสกับกลุ่มเสี่ยงคลัสเตอร์ใหม่ ที่มีผลตรวจออกมาแล้วตั้งแต่ช่วงต้นเดือน เม.ย. จึงทำให้ยอดผู้ติดเชื้อของคนในจังหวัดเพิ่มขึ้น

นายธีรพัฒน์ กล่าวอีกว่า จากบทเรียนของการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ระลอกที่ผ่านมาในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร จะช่วยทำให้จังหวัดสามารถควบคุมสถานการณ์ระลอกใหม่นี้ได้ดี เพราะตอนนี้เรื่องของเครื่องมือ บุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเจ้าหน้าที่ทุกคนมีความพร้อม เข้าใจถึงกระบวนการควบคุมโรคเป็นอย่างดี และเข้าใจถึงกระบวนการทางสาธารณสุขในทุกด้าน เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว นอกจากนี้ เรื่องของการยกระดับโรงพยาบาลสนาม หรือศูนย์ห่วงใยคนสาคร 3 แห่งใน จ.สมุทรสาคร ทางจังหวัดมีแผนที่จะปรับปรุง โดยจำนวนเตียงจะมีการปรับลดลงเพื่อความสะดวก ทันสมัย และสะอาดมากขึ้น โดยจะใช้เวลา 1-2 สัปดาห์

รวมถึงแบ่งการใช้งาน เช่น ศูนย์ห่วงใยคนสาคร แห่งที่ 8 ส่วนเพิ่มเติม วัฒนาแฟคตอรี่ (2) สำหรับผู้ติดเชื้อที่เป็นแรงงานต่างด้าว ส่วนศูนย์ห่วงใยคนสาคร แห่งที่ 9 บริษัท วิท วอเตอร์ ซิสเต็ม ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัดฯ สำหรับผู้ติดเชื้อชายไทย และศูนย์ห่วงใยคนสาครแห่งที่ 10 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สำหรับผู้ติดเชื้อหญิงไทย ทั้งนี้ หากมีการร้องขอให้รับผู้ติดเชื้อจากภายนอกเข้ามาใน จ.สมุทรสาคร นั้น ก็จะต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของทางกระทรวงสาธารณสุขว่าจะให้ดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งครั้งนี้นอกจากจะเป็นการแสดงออกถึงความพร้อมของ จ.สมุทรสาคร ในการรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 แล้ว ยังแสดงออกถึงมิตรไมตรีของ จ.สมุทรสาคร ที่จะให้ความร่วมมือและช่วยเหลือทุกคนทุกภาคส่วน

สาครออนไลน์ โดย กิตติกร นาคทอง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *