
รองผู้ว่าฯ สมุทรสาคร พร้อมคณะ ตรวจติดตามก่อสร้างศูนย์ห่วงใยคนสาคร แห่งที่ 14 สหกรณ์การเกษตรบ้านแพ้ว จก. คืบหน้าร้อยละ 80 คาดแล้วเสร็จอีก 2-3 วัน ส่วนยอดโควิดรายวันทะลุ 544 ราย เล็งให้ผู้ติดเชื้อฯ กักตัวในบ้านตามนโยบาย สธ. รวมถึงเตือนให้แต่ละโรงงานเร่งทำ FAI
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 8 ก.ค. 64 นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วยนายอาวุธ วิเชียรฉาย ปลัดจังหวัดสมุทรสาคร, นายพิรุณโรจน์ นาคดนตรี นายอำเภอบ้านแพ้ว, นายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ นายก อบจ.สมุทรสาคร, นพ.พรเทพ พงศ์ทวิกร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์การมหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจติดตามการก่อสร้างโรงพยาบาลสนาม หรือศูนย์ห่วงใยคนสาคร แห่งที่ 14 อาคารรวบรวมผลผลิตทางการเกษตร สหกรณ์การเกษตรบ้านแพ้ว จำกัด ต.บ้านแพ้ว อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19




สำหรับศูนย์ห่วงใยคนสาคร แห่งที่ 14 จะรองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 คนไทยทั้งชายและหญิงรวมจำนวน 500 เตียง ดูแลรับผิดชอบโดยโรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์การมหาชน) โดยได้รับการสนับสนุนจาก อบจ.สมุทรสาคร และหน่วยงานภาครัฐ-เอกชน ขณะนี้การก่อสร้างคืบหน้าประมาณร้อยละ 80 โดยภายในอาคารมีการนำเตียงสนาม พร้อมอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับผู้ติดเชื้อเข้ามาจัดเรียงและทำความสะอาดทั่วทั้งอาคาร ส่วนภายนอกอาคารยังคงเหลือการเทปูนและปรับพื้นที่บริเวณด้านข้าง การกั้นรั้วลวดหนาม และการติดตั้งห้องน้ำและห้องสุขาเคลื่อนที่อีกบางส่วนเท่านั้น ด้านระบบสาธารณสุขหรือการดูแลผู้ติดเชื้อที่อยู่ภายในอาคาร ก็มีการติดตั้งกล้องวงจรปิด และวางแผนการให้บริการทางด้านการแพทย์ไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว รอเพียงให้การจัดสิ่งของภายในอาคารเสร็จสิ้นเท่านั้น คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 2-3 วัน




นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยว่า การสร้างศูนย์ห่วงใยคนสาคร แห่งที่ 14 นี้ เชื่อว่าอีกไม่กี่วันก็น่าจะเป็นที่เรียบร้อยดี ส่วนเรื่องจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 544 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 7 ก.ค. 64) จากการรายงานพบว่าการติดเชื้อเป็นลักษณะของการกระจายตัวภายในบ้านและชุมชน ส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อกันในครอบครัว ดังนั้นจึงได้มีการวางแผนไว้ในหลายรูปแบบด้วยกัน รวมถึงการดำเนินงานตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข เช่น เรื่อง Home Isolation หรือการกักตัวที่บ้าน สำหรับผู้ติดเชื้อที่สมัครใจ แต่จะต้องมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง สภาพบ้านมีสุขภาวะเหมาะสม เป็นต้น ซึ่งก็ได้มีการเจรจาหารือร่วมกับทีมแพทย์พยาบาลแล้วว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระให้แก่บุคลากรทางการแพทย์
ส่วนเรื่องยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มมากขึ้น กับจำนวนเตียงของโรงพยาบาลสนามที่มีอยู่ในปัจจุบัน ที่เพิ่มขึ้นจากเดิมเป็น 7 แห่ง คาดว่าน่าจะยังพอ ณ ห้วงเวลานี้ แต่ในขณะเดียวกันก็ได้ให้นายอำเภอทั้ง 3 อำเภอ ช่วยกันหาสถานที่เพื่อเตรียมพร้อมในกรณีที่หากมีความจำเป็นจะต้องมีโรงพยาบาลสนามเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นการลดจำนวนผู้ติดเชื้อในโรงพยาบาล ที่ตอนนี้ก็พบว่าเตียงในโรงพยาบาลก็มีผู้ป่วยครองเตียงเต็มพิกัดแล้วเช่นกัน



นายธีรพัฒน์ กล่าวอีกว่า สำหรับโรงงานนั้น ก็ได้สั่งให้ทุกโรงงานหาโกดังหรือที่ดินของโรงงานเพื่อดำเนินการจัดทำสถานที่แยกกักผู้ติดเชื้อของสถานประกอบการ หรือ FAI (Factory Alternative Isolation) เพื่อที่จะใช้ในการดูแลคนงานของตนเอง และเป็นพื้นที่แยกระหว่างคนที่ติดเชื้อกับผู้ที่ไม่ติดเชื้อ ส่งผลทำให้โรงงานสามารถที่จะดำเนินการต่อไปได้ แต่ถ้าสถานประกอบการใดไม่ดำเนินการตามก็จะต้องถูกดำเนินการตามข้อบังคับของกฎหมาย ซึ่งทางจังหวัดสมุทรสาคร โดยคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดฯ ได้มีคำสั่งให้ดำเนินการเพื่อเตรียมความพร้อมไว้ โดยบางโรงงานอาจจะไม่พบผู้ติดเชื้อเลยก็ได้ แต่หากไม่มีการเตรียมความพร้อมเลย ถ้าเกิดเหตุขึ้นมาจะรับมือไม่ทัน
ส่วนการประเมินสถานการณ์ในระยะนี้ก็คาดว่า น่าจะยังคงตัวเลขเช่นนี้ต่อไปอีกระยะหนึ่ง ดังนั้นหากประชาชนสามารถลดการเดินทางหรือชะลอการรวมตัวกันเป็นจำนวนมากได้นั้น จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ส่วนมาตรการต่างๆ ของจังหวัดฯ จะเข้มข้นหรือไม่ ก็ต้องเป็นไปตามอำนาจของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดฯ
สาครออนไลน์ โดย กิตติกร นาคทอง