
ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร เปิดเผยกับ “สาครออนไลน์” คิดจะลาออกจากตำแหน่งจริง แต่ขอปรึกษาหลายฝ่าย ตั้งใจจะอยู่ถึง 30 ก.ย.นี้ ยืนยันว่ายังไม่ยอมแพ้ ทุกวันนี้ยังสู้ เตรียมเดินหน้าตรวจเชิงรุกแบบไดร์ฟทรู ห่วงเรื่องอควาเรียม แม้ได้งบแล้วแต่ต้องเร่งรัดหวั่นล้าช้าเพราะถูกทิ้งร้างนานแล้ว เสียดายยังมีโครงการชูแหล่งท่องเที่ยว ของดีจังหวัด แต่โควิดทำสะดุด
วันนี้ (15 ส.ค.) จากกรณีที่มีข่าวผ่านสื่อมวลชนบางสำนัก ระบุว่า นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ตัดสินใจจะยื่นหนังสือลาออกจากราชการ โดยได้ร่างหนังสือลาออกไว้มาประมาณหนึ่งสัปดาห์แล้ว พร้อมระบุว่า “สู้ไม่ไหวแล้วจริงๆ พอแล้ว จบแล้ว” และจะยื่นต่อผู้บังคับบัญชาในวันจันทร์ที่ 16 ส.ค.นี้ โดยให้มีผลช่วงสิ้นปีงบประมาณ หรือสิ้นเดือน ก.ย. เพื่อกลับไปอยู่บ้านที่ จ.อ่างทอง แล้วจะได้ดูแลสุขภาพให้ดีมากขึ้น
“สาครออนไลน์” สอบถามไปยังนายวีระศักดิ์ ระบุว่า มีความคิดที่จะยื่นหนังสือลาออกจากราชการตามที่เป็นข่าวจริง เนื่องจากปัญหาสุขภาพเป็นหลัก โดยได้ร่างหนังสือลาออกไว้แล้ว แต่ต้องรอปรึกษาหลายฝ่ายก่อน เพราะเกี่ยวพันกับข้อกฎหมาย ซึ่งยังไม่แน่นอนว่าจะยื่นหนังสือลาออกเมื่อไหร่ อาจจะส่งหนังสือไปยังกระทรวงมหาดไทย โดยไม่ได้ไปยื่นด้วยตัวเอง ตั้งใจว่าจะทำงานถึงสิ้นปีงบประมาณ 2564 ในวันที่ 30 ก.ย. 2564 ส่วนจะย้ายกลับไปอยู่ที่ไหนนั้นขอปรึกษาคนในครอบครัวก่อน
ส่วนที่สื่อบางฉบับระบุว่าสู้ไม่ไหว ยอมแพ้นั้น ยืนยันว่ายังไม่ยอมแพ้ ทุกวันนี้ยังสู้ และคิดว่าแนวทางที่จังหวัดสมุทรสาครดำเนินการนั้นดีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่ายังดีไม่มากพอ และแม้ว่ายังไม่มีอะไรในมือพร้อม มีข้อจำกัดเรื่องวัคซีน แต่ก็ยังสู้ ที่ผ่านมาได้ผลักดันเรื่อง FAI (Factory Acoomodation Isolation หรือโรงพยาบาลสนามในโรงงานหรือสถานประกอบการ) และเตรียมตรวจคัดกรองเชิงรุกด้วยชุดตรวจ ATK แบบไดร์ฟทรูที่ ต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน เพื่อให้ตรวจเชิงรุกง่ายขึ้น
ทั้งนี้ ตนไม่ได้มีความคิดที่อยากจะหนีจังหวัดสมุทรสาคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะวิกฤต แต่ร่างกายสู้ไม่ไหว ตอนนี้อาการหนักกว่าเมื่อเดือน เม.ย. เริ่มมีอาการเกร็ง จึงเห็นว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ต้นสังกัดจะได้เตรียมหาบุคลากรที่ร่างกายปกติและขยันขันแข็ง เพราะปัญหาจังหวัดสมุทรสาครมีเยอะ อยากให้สานต่อได้ง่าย
ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ยังกล่าวอีกว่า สิ่งที่เป็นห่วงนอกจากปัญหาโควิด-19 แล้ว คือโครงการปรับปรุงศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำสมุทรสาคร (อควาเรียม) ให้เป็นรูปเป็นร่าง ซึ่งได้รับงบประมาณปี 2565 ไว้แล้ว แต่ต้องเร่งรัดเพราะจะล่าช้าไปอีก เนื่องจากถูกทิ้งร้างไว้นานแล้ว หากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายก็จะสานต่อได้ทันที ตนรู้สึกเสียดายที่เกิดสถานการณ์โควิด-19 เพราะยังมีโครงการอื่นๆ อีกมาก เช่น การประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเที่ยว ของดีจังหวัดสมุทรสาคร หรือสิ่งที่ทำใหม่ๆ ซึ่งพอจะมีศักยภาพและความคิดที่จะทำ แต่ก็สะดุดไปหมด

ก่อนหน้านี้ เฟซบุ๊ก “Sakravee Srisangdharma” หรือ สักระวี ศรีแสงธรรม ซึ่งเป็นนามปากกาของนายวีระศักดิ์ โพสต์ข้อความหัวข้อ “ยามดีใช้ ยามไข้รักษา” ระบุว่า “มีคนถามผมมาเยอะว่า ไม่ย้ายกับเขาเหรอ ไม่เห็นมีชื่อในคำสั่ง หรือว่าผมเกษียณปีนี้ อยากย้ายเช่นกันครับ เหตุผลของผมคือ สุขภาพผมไม่แข็งแรง ออกพื้นที่ได้ไม่มาก ไปมาไม่สะดวก หลายคนเป็นห่วง ออกจากศิริราชแล้ว ร่างกายไม่เหมือนเดิมเลย โควิดทิ้งร่องรอยไว้เยอะมาก เหนื่อย ไอ จาม มีน้ำมูก หอบง่าย ล่าสุดมีอาการเกร็งด้านขวา ค่อนข้างมาก คุณหมอบอกว่าผมเครียดหนัก พักผ่อนน้อย ต้องถนอมชีวิตมากกว่านี้
ขณะที่งานในสมุทรสาครไม่เครียดคงไม่ได้ กระทรวงบอกว่าผมทำงานมากเกินไป จะย้ายให้ไปอยู่จังหวัดอื่นที่งานโควิดเบาขึ้น ผมเป็นห่วงชาวบ้าน ก่อนถึงฤดูโยกย้าย ขอผมเป็นพนักพิงให้ชาวบ้านอุ่นใจก่อนว่า เรายังไม่หนีไปไหน พร้อมเผชิญเรื่องร้ายๆ ไปด้วยกัน ผมเกษียณปีหน้าครับ บอกคนใหญ่ในกระทรวง ถึงเหตุผลการย้าย มาจากสุขภาพร่างกายล้วนๆ คำตอบที่ได้ตอนคำสั่งล่าสุด คือ ถึงผมอยากไปสุพรรณบุรี แต่นักการเมืองเขาไม่ยอมรับ (ซึ่งผมไม่รู้ว่าหมายถึงใคร) ผมไปไม่ได้แน่ ส่วนอ่างทอง เป็นจังหวัดเล็กเกินไป ย้ายจากสมุทรสาคร ไปจังหวัดเล็กกว่าคงไม่เหมาะ
อือม์ … อยู่ศรีสะเกษ 22 อำเภอ สมุทรสาคร 3 อำเภอ ผมเข้าใจอะไรผิดเรื่องเล็กใหญ่แน่เลย ไปจังหวัดอื่นก็ลำบาก อยู่สมุทรสาครต่อก็คงไม่ดี คนอยู่ที่นี่ควรจะแข็งแรงกว่าผม ทำงานได้คล่องแคล่วกว่าผม ไม่มีปัญหาด้านสุขภาพเหมือนผม ผมคิดสะระตะในใจว่า ผู้ว่าฯ สุพรรณ เป็นกัลยาณมิตรที่ดีของผม ส่วนผู้ว่าฯ อ่างทอง เป็นอดีตเพื่อนร่วมงานที่ดีของผมเช่นกัน ผมคงไม่มีเหตุผลใดจะไปไล่ที่เขา
ผมเคยฝันว่า จะสามารถอยู่รับราชการได้จนถึงเกษียณอายุ เพราะคือจุดหมายปลายทาง ที่ข้าราชการทุกคนปรารถนา แต่วันนี้ ต้องยอมรับว่าเป็นได้แค่ในฝัน สาเหตุหลักมาจากการทุ่มเทให้กับงานมากไป นึกถึงคำของผู้ใหญ่ที่บอกว่า จะหาจังหวัดอื่นที่งานโควิดเบาขึ้น แต่สุดท้ายก็ไม่ได้หาให้ คำสั่งที่เห็นจึงไม่มีชื่อผมด้วย หลงคิดมานานว่า การจัดคนลงตำแหน่ง เป็นเรื่องของกระทรวงเป็นหลัก หรือว่าผมไม่มีสีของสิงห์ใดๆ นอกจากสีกากีของเครื่องแบบ สีที่ผมพยายามใช้ เดินตามรอยพระบาทในหลวง ร.9 มาตลอดชีวิตการทำงาน

นึกถึงคำของคุณหมอที่บอกหลังเห็นคำสั่งว่า ผมควรใช้ชีวิตก่อนเกษียณที่สงบกว่านี้ ลาออกเถอะ บ้านเมืองย่อมมีคนมาทำงานได้ อย่าไปห่วงจนเกินตัว นึกถึงคำของลูกสาวที่ปลอบพ่อว่า พ่อต้องดูสุขภาพและความรู้สึกพ่อเป็นหลัก พ่ออยู่ในราชการอีกแค่ปีเดียว แต่อยู่ในชีวิตหลังเกษียณอีกหลายปี พ่อทำงานหนักมาตลอดชีวิต ปีสุดท้ายของพ่อ น่าจะเลือกให้เหมาะกับสุขภาพพ่อเป็นสำคัญ มาถึงตรงนี้ คนที่สนิทกัน คงรู้แล้วว่าผมเลือกจะทำยังไง จู่ๆ ผมก็นึกถึงคำโบราณที่ว่า “ยามดีใช้ ยามไข้ (ไม่) รักษา”
ปรากฎว่า มีประชาชนชาวจังหวัดสมุทรสาครโพสต์ข้อความให้กำลังใจนายวีระศักดิ์อย่างล้นหลาม และเคารพการตัดสินใจดังกล่าว
สำหรับนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี เป็นชาวอำเภอวิเศษไชยชาญ จังหวัดอ่างทอง เข้ามาดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2562 ที่ผ่านมา เคยเข้ารับการรักษาด้วยอาการติดเชื้อโควิด-19 ที่โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 2563 ยาวนานถึง 82 วัน กระทั่งออกจากโรงพยาบาลศิริราชเมื่อวันที่ 19 มี.ค. 2564 และกลับเข้ามาปฏิบัติงานตามปกติตั้งแต่เดือน เม.ย. ที่ผ่านมา
สาครออนไลน์ โดย กองบรรณาธิการ