ร.ร.สมุทรสาครบูรณะ เริ่มฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้เด็กนักเรียน ม.1-6 เป็นวันแรก มีผู้ประสงค์รับวัคซีน 2,360 คน มากกว่าร้อยละ 89 ผู้อำนวยการโรงเรียนฯ เผยเปิดเทอม 1 พ.ย. นี้ จัดการเรียนการสอนแบบสลับวันเรียน มีการตรวจ ATK เป็นระยะ
วันนี้ (5 ต.ค.) ที่โรงเรียนสมุทรสาครบูรณะ ต.มหาชัย อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร ได้เริ่มฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้กับนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 ในรูปแบบวัคซีนนักเรียน (School-based vaccination) เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเปิดเทอม วันที่ 1 พ.ย. 64 โดยมีเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลสมุทรสาคร และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร ออกหน่วยให้บริการฉีดวัคซีนแก่เด็กนักเรียน มีผู้ปกครองนำนักเรียนมาเข้ารับการฉีดวัคซีนกันอย่างคึกคัก ซึ่งทางโรงเรียนได้แบ่งช่วงเวลาดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับนักเรียนเป็น 2 วัน เพื่อลดความแออัด ในวันแรกเป็นคิวของนักเรียนในระดับชั้น ม.ต้น และในวันที่สองจะเป็นส่วนของนักเรียนในระดับชั้น ม.ปลาย
สำหรับโรงเรียนสมุทรสาครบูรณะ มีจำนวนนักเรียนที่มีสิทธิเข้ารับการฉีดวัคซีนทั้งหมด 2,627 คน แจ้งความประสงค์เข้ารับการฉีดวัคซีน 2,360 คน คิดเป็นร้อยละ 89.84 ส่วนที่ไม่ประสงค์จะเข้ารับการฉีดวัคซีนเหลืออีก 267 คน คิดเป็นร้อยละ 10.16 โดยในเด็กกลุ่มที่ยังไม่ประสงค์จะฉีดวัคซีน แบ่งเป็นผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในกลุ่มเปราะบางไปก่อนหน้านี้แล้ว 112 คน และเป็นผู้ที่ยังไม่พร้อมฉีดวัคซีนอีก 155 คน เพราะเคยได้รับเชื้อโควิด 19 มาแล้วและยังไม่ครบ 1-3 เดือน กับอีกส่วนหนึ่งอยู่ระหว่างการตัดสินใจของผู้ปกครอง เนื่องจากบุตรหลานมีโรคประจำตัว แต่ทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฯ ก็ได้สำรองวัคซีนไว้ให้รอฉีดเมื่อพร้อมแล้ว
นายอรรณพ ชุ่มเพ็งพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนสมุทรสาครบูรณะ เปิดเผยว่า การรับวัคซีนโควิด 19 ในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมเปิดภาคเรียนตามประกาศของกระทรวงศึกษาธิการในวันที่ 1 พ.ย. 64 โดยมีการสำรวจความประสงค์ในการรับวัคซีนไว้แล้ว ซึ่งทางผู้ปกครองและเด็กก็มีความตื่นตัวและกระตือรือร้นที่จะรับวัคซีน ซึ่งการฉีดวัคซีนสำหรับนักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา รวมถึงผู้ที่ทำงานในโรงเรียนทุกคนนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะจะช่วยกันป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด 19 ได้ ซึ่งเมื่อเริ่มเปิดภาคเรียนทุกคนในโรงเรียนจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบทั้งหมด
ขณะที่แผนการจัดการเรียนการสอน ก็ได้มีการจัดรูปแบบของการเรียนแบบสลับวันเรียน และงดการเคลื่อนที่ของเด็กนักเรียน อีกทั้งยังต้องจัดการศึกษาในรูปแบบของการเรียนออนไลน์ ควบคู่ไปกับการเรียนในชั้นเรียนอีกด้วย ซึ่งการเรียนออนไลน์นั้นยังคงต้องจัดต่อไป เพื่อรองรับสำหรับเด็กนักเรียนในกลุ่มที่ติดเชื้อโควิด 19 หรือเพิ่งหายจากการติดเชื้อ กับกลุ่มเด็กที่ยังไม่ประสงค์จะมาเรียนในห้องเรียน รวมถึงการตรวจนักเรียน ครู บุคลากรทางการศึกษา และผู้ที่ทำงานในโรงเรียนทุกคน ด้วยชุดตรวจ ATK อยู่เป็นระยะ เพื่อแยกผู้ติดเชื้อออกมาให้ได้เร็วที่สุด เพื่อให้การเรียนการสอนในสถานศึกษายังคงเดินหน้าต่อไปได้
สาครออนไลน์ โดย กิตติกร นาคทอง