จังหวัดสมุทรสาคร คิกออฟฉีดไฟเซอร์ให้นักเรียน 12-17 ปี วันแรกที่ ร.ร.เทศบาลบ้านมหาชัยฯ จำนวน 909 คน เผยตัวเลขทั้งจังหวัด ผู้ปกครองยินยอมให้บุตรหลานฉีดวัคซีน 2.7 หมื่นคน จากทั้งหมด 3.3 หมื่นคน
วันนี้ (4 ต.ค.) เวลา 08.00 น. ที่โรงเรียนเทศบาลบ้านมหาชัย (อนุกูลราษฎร์) ต.มหาชัย อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร นายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานเปิดโครงการ Kick Off การสร้างเกราะป้องกันด้วยวัคซีนในเด็กนักเรียน โดยการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ให้กับนักเรียนที่มีอายุ 12-17 ปี โดยมี นายชุมพล จันทร์จรัสวัฒนา นายกเทศมนตรีนครสมุทรสาคร รวมถึง นายก อบจ.สมุทรสาคร ศึกษาธิการจังหวัดสมุทรสาคร และบุคลากรทางด้านสาธารณสุข โดยมีผู้ปกครองนำนักเรียน เข้ารับการฉีดวัคซีน จำนวน 909 คน
นายประกิจ สาระเทพ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร เผยว่า เนื่องจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด 19 ได้ส่งผลกระทบในวงกว้างอย่างรวดเร็ว ซึ่งมาตรการการให้วัคซีนป้องกันโควิด 19 นั้น เป็นมาตรการในการป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงและเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 ได้ และที่ผ่านมาจังหวัดสมุทรสาครได้ฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มประชาชน จำนวนทั้งสิ้น 585,601 คน ครอบคลุมประชากรร้อยละ 61.44 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มประชากรที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เพื่อให้การได้รับวัคซีนป้องกันโควิด 19 ครอบคลุมทุกกลุ่มประชากร โดยเฉพาะเด็กนักเรียนที่มีอายุ 12-17 ปี ลดความเจ็บป่วยรุนแรงและเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 ประเทศไทยจึงมีนโยบายให้วัคซีนป้องกันโควิด 19 ยี่ห้อไฟเซอร์ (Pfizer) สำหรับกลุ่มเด็กนักเรียนที่มีอายุ 12-17 ปี ผ่านสถาบันการศึกษาในรูปแบบวัคซีนนักเรียน (School-based vaccination)
ซึ่งในส่วนของจังหวัดสมุทรสาคร จากการสำรวจความประสงค์ของผู้ปกครองผ่านสำนักศึกษาธิการจังหวัดสมุทรสาคร พบว่า ผู้ปกครองมีความประสงค์ให้บุตรหลานเข้ารับการฉีดวัคซีนจำนวนทั้งสิ้น 27,000 คน จากที่มีเด็กนักเรียนในกลุ่มอายุ 12–17 ปี อยู่ทั้งหมดประมาณ 33,000 คน หรือประมาณร้อยละ 82 ซึ่งภาพรวมหากฉีดได้ครบตามจำนวนที่แจ้งความประสงค์ไว้ ผนวกกับเด็กนักเรียนกลุ่มเปราะบางที่ได้รับการฉีดวัคซีนชนิดเดียวกันไปก่อนหน้านี้แล้ว ก็จะมีเด็กนักเรียนอายุ 12–17 ปี ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด 19 ชนิดไฟเซอร์มากกว่าร้อยละ 80 ส่วนที่เหลือก็จะรณรงค์ให้ผู้ปกครองสมัครใจนำบุตรหลานมาเข้ารับการฉีดวัคซีนต่อไป
ทางด้านนายรณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า การฉีดวัคซีนในวันนี้เป็นวันแรกเริ่มของกลุ่มเด็กนักเรียน ซึ่งจังหวัดสมุทรสาครมีกลุ่มเป้าหมายอยู่ประมาณ 33,000 คน สมัครใจเข้ารับการฉีดวัคซีนแล้วจำนวน 27,000 คน สำหรับการฉีดวัคซีนในกลุ่มเด็กนักเรียนนี้จะทำให้จังหวัดพร้อมที่จะกลับมาเปิดเทอมกันอีกครั้งในรูปแบบออนไซต์ (On-site) ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. เป็นต้นไป ขณะที่ภาพรวมของจังหวัดสมุทรสาครนั้น เรื่องของการให้บริการฉีดวัคซีน กับการเข้ารับบริการฉีดวัคซีนไม่ใช่ปัญหาหลัก ส่วนที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุดคือ เรื่องของจำนวนและระยะเวลาของวัคซีนที่จะจัดส่งมา หากมาได้ครบและเป็นไปตามวันเวลาที่กำหนด ก็จะทำให้จังหวัดฯ เดินแผนฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 ได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน
นพ.อนุกูล ไทยถานันดร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมุทรสาคร กล่าวด้วยว่า แผนเดินหน้าฉีดวัคซีนนักเรียน คือ การเข้าไปฉีดให้กับนักเรียนภายในรั้วโรงเรียนตามวันและเวลาที่ได้รับการนัดหมายไว้ โดยจะฉีดให้แล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์ จากนั้นเข็ม 2 จะเริ่มฉีดอีก 3 สัปดาห์ภายหลังจากนี้ ส่วนคำแนะนำสำหรับผู้ปกครองและนักเรียนที่ฉีดวัคซีนไปแล้วคือ เรื่องของผลข้างเคียงมักจะเกิดภายใน 30 นาทีหลังการฉีดวัคซีนไปแล้ว ทั้งนี้ก็ขอให้ยังเฝ้าสังเกตอาการต่อเนื่องอีกระยะหากมีอาการเจ็บหน้าอก หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม ใจสั่น หรือมีอาการผิดปกติใด ๆ ที่สงสัยได้ว่าจะเป็นผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน ก็ขอให้รีบแจ้งทางโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้บ้านทันที และอีกส่วนหนึ่งคือการออกกำลังกายหนัก ในช่วง 1 สัปดาห์แรกนี้ขอให้ระงับไว้ก่อน ขณะที่เด็กนักเรียนของโรงเรียนเทศบาลบ้านมหาชัย ที่มาเข้ารับการฉีดวัคซีนในวันนี้ก็บอกว่า รู้สึกกลัวอยู่เหมือนกัน แต่ก็ดีใจที่ได้มีโอกาสฉีดวัคซีนเพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับตนเอง และจะได้กลับมาเข้าเรียนในห้องเรียนอีกครั้ง
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 จ.สมุทรสาคร พบจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันคงตัว จากข้อมูลของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร เมื่อเวลา 24.00 น. วันที่ 3 ต.ค. 64 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 145 ราย จำแนกเป็นพบผู้ติดเชื้อจากการค้นหาเชิงรุก 28 ราย (คนไทย 23 ราย, ต่างด้าว 5 ราย) พบจากตรวจหาเชื้อในโรงพยาบาล 117 ราย จำแนกเป็นคนในจังหวัด 96 ราย (คนไทย 76 ราย, ต่างด้าว 20 ราย) และคนนอกจังหวัด 21 ราย (คนไทย 18 ราย, ต่างด้าว 3 ราย) ด้านผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมดรวม 107,184 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 98,925 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 7,148 ราย และมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ยอดสะสมที่ 1,111 ราย
สาครออนไลน์ โดย กิตติกร นาคทอง