
นพ.สสจ.สมุทรสาคร ประธานเปิดสถานชีวาภิบาล เทศบาลนครอ้อมน้อย ดูแลผู้สูงอายุภาวะพึ่งพิง เป็นชุมชนต้นแบบนำร่องแห่งแรกในจังหวัดฯ และเขตสุขภาพที่ 5
เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2567 นพ.สุรวิทย์ ศักดานุภาพ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานเปิดสถานชีวาภิบาล เทศบาลนครอ้อมน้อย จังหวัดสมุทรสาคร ณ ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิต เทศบาลนครอ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร โดยมี นายบุญชู นิลถนอม นายกเทศมนตรีนครอ้อมน้อย นพ.วิเชียร ตันสุวรรณนนท์ ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 5 ราชบุรี นพ.ธรรมวิทย์ เกื้อกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกระทุ่มแบน นายฐิติวัชร์ วารีรัตน์ภากร สาธารณสุขอำเภอกระทุ่มแบน รวมถึงผู้แทนจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเขต 5 ราชบุรี คณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาลฯ และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วม ในการนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านสถานชีวาภิบาลในชุมชนร่วมกัน
นายบุญชู นิลถนอม นายกเทศมนตรีนครอ้อมน้อย ในฐานะผู้ริเริ่มและจัดตั้งสถานชีวาภิบาลเทศบาลนครอ้อมน้อย กล่าวว่า สำหรับสถานชีวาภิบาลในชุมชนนี้ ได้จัดตั้งขึ้นเพื่อให้บริการผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง ติดบ้าน ติดเตียง ผู้ป่วยระยะสุดท้าย ผู้ป่วยที่มีปัญหาสุขภาพเรื้อรัง และมีข้อจำกัดในการดูแลตนเอง ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีตลอดจนตอบสนองความต้องการครั้งสุดท้ายของผู้ป่วยและครอบครัว เพื่อให้การดูแลชีวิตผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง โดยมีสหวิชาชีพเข้าไปมีส่วนร่วมในการดูแลตั้งแต่ได้รับการวินิจฉัย การให้การดูแลแบบต่อเนื่องไร้รอยต่อ เน้นการทำงานแบบองค์รวมครอบคลุมทั้ง 4 ด้าน คือ ด้านร่างกาย ด้านจิตใจและอารมณ์ ด้านสังคม และด้านจิตวิญญาณ ตลอดจนยังเพื่อเป็นศูนย์สถานชีวาภิบาลในชุมชน ต้นแบบนำร่องของจังหวัดสมุทรสาคร และของเขตสุขภาพที่ 5



ทางด้าน นพ.สุรวิทย์ ศักดานุภาพ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า สำหรับในปีงบประมาณ 2567 นี้ กระทรวงสาธารณสุขได้มีนโยบายการดำเนินงานด้านการยกระดับโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค เป็นโครงการ 30 บาท พลัส เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชานในทุกมิติด้านสุขภาพ โดยเฉพาะการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค รวมถึงการดูแลรักษา ตลอดจนการฟื้นฟูสภาพร่างกาย เพื่อเป้าหมายที่ว่า “ประชาชนคนไทยสุขภาพดี ประเทศไทยสุขภาพดี”
ดังนั้นการจัดตั้งสถานชีวาภิบาล จึงเป็นหนึ่งในนโยบายที่มุ่งเน้นเพื่อการดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะพึ่งพิง ผู้ป่วยระยะสุดท้าย รวมถึงผู้สูงอายุที่อยู่ติดบ้าน ติดเตียง ให้ได้รับการดูแลอย่างเป็นองค์รวม ครอบคลุมทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ ด้านร่างกาย, ด้านจิตใจและอารมณ์, ด้านสังคมและด้านจิตวิญญาณ อย่างต่อเนื่องจากโรงพยาบาลสู่บ้าน สู่ชุมชน โดยไม่ถูกทอดทิ้งไว้เพียงลำพัง ขณะที่ลูกหลานสามารถทำมาหาเลี้ยงชีพได้ตามปกติ อันเป็นการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต


ซึ่งสถานชีวาภิบาลในชุมชน เทศบาลนครอ้อมน้อยแห่งนี้ เป็นการแสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญของการดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะพึ่งพิงติดบ้าน ติดเตียง ซึ่งเป็นการ “สร้างเสริมสุขภาวะระยะสุดท้ายของชีวิตรองรับสังคมสูงวัย” อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการดูแล ผู้สูงอายุและผู้ป่วยระยะสุดท้ายโดยใช้พื้นฐานจากการดูแลประคับประคองที่จะช่วยลดความทุกข์ทรมานแก่ผู้ป่วยระยะสุดท้าย โดยคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

สาครออนไลน์ เรียบเรียงโดย กองบรรณาธิการ