
เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร เผยอดีตพระมหาทิวากร ย่องเงียบขอลาสิขา เพื่อให้เกิดความสบายใจแก่คณะสงฆ์ในจังหวัดฯ พร้อมนำเอกสารทางการเงิน และเงินใส่ซองกว่า 3 หมื่นบาทคืนให้วัดใหญ่จอมปราสาท ส่วนปมเรื่องโอนเงิน เพราะสีกากอล์ฟอ้างว่าป่วย ขอยืมเงินไปรักษาตัว
จากกรณีอดีตพระมหาทิวากร ดีไพร อดีตเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ต.ท่าจีน อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร เข้าพบและขอลาสิกขากับพระราชวัชรสาครคณี เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร เจ้าอาวาสวัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ค. ที่ผ่านมา หลังจากหายไปจากวัดใหญ่จอมปราสาท เมื่อคืนวันอาสาฬหบูชา 10 ก.ค. ที่ผ่านมา หลังมีข่าวว่ามีส่วนพัวพันกับ สีกากอล์ฟ หรือ น.ส.วิลาวัลย์ เอมสวัสดิ์ อายุ 35 ปี นั้น

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 18 ก.ค. 2568 ที่อุทยานหลวงพ่อโต วัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร ต.ยกกระบัตร อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร พระราชวัชรสาครคณี เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร เจ้าอาวาสวัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า อดีตพระมหาทิวากร ดีไพร อดีตเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ได้เดินทางมาหาตนพร้อมกับลูกศิษย์วัด 1 คน และพระภิกษุสงฆ์อีก 1 รูป ซึ่งตนก็ไม่รู้จักว่าเป็นใคร โดยไม่ได้มีการโทรมานัดหมายก่อนแต่อย่างใด โดยอดีตพระมหาทิวากรได้บอกว่าจะขอสึก เพื่อให้เกิดความสบายใจของคณะสงฆ์ในจังหวัดสมุทรสาคร
ซึ่งก่อนที่จะสึกให้นั้น ตนได้มีการสอบถามแล้วว่าปาราชิกหรือไม่ ก็ได้รับคำยืนยันว่าไม่ปาราชิก ดังนั้นเมื่อเขายืนยันเช่นนั้น ตนจึงได้ทำพิธีสึกให้ตามลำดับขั้นตอน หลังจากนั้นมีการพูดคุยกันอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนที่อดีตพระมหาทิวากรและพวกจะลากลับไป แต่ไม่ได้สอบถามว่าจะไปไหน หรือก่อนหน้านี้ไปอยู่ที่ไหนมา เพราะไม่ใช่เรื่องของตน ซึ่งทางด้านอดีตพระมหาทิวากรบอกว่าจะเดินทางไป อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ต่อ เท็จจริงประการใดนั้นไม่สามารถยืนยันได้ เพียงแต่เขาพูดมาแบบนี้

พระราชวัชรสาครคณี บอกอีกว่า อดีตพระมหาทิวากรมาขอสึกนี้ ได้มาพร้อมกับเอกสารทางการเงินที่รับมาและใช้จ่ายไปเกือบ 10 แผ่น ซึ่งเป็นในส่วนที่เป็นรายได้ของวัดโดยตรงตั้งแต่ปี 2564-2567 เช่น เงินกฐิน และเงินบริจาค พร้อมกันนี้ยังนำภาพการก่อสร้างและการปฏิสังขรณ์สิ่งต่าง ๆ ในวัดอีกกว่า 20 แผ่นมาให้ไว้เป็นหลักฐานด้วย นอกจากนี้ ยังได้นำเงินประมาณ 30,000 บาท ใส่ซองมามอบให้กับตนไว้ เพื่อนำไปมอบคืนให้แก่เจ้าคณะตำบลท่าจีน และส่งต่อให้กับผู้ที่จะรักษาการเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาทต่อไป โดยเงินจำนวนดังกล่าวที่นำมาให้ เป็นเงินบริจาคก้อน 70,000 บาท ที่อดีตพระมหาทิวากรนำติดตัวไปด้วย แล้วเอาไปจ่ายค่าไฟฟ้าเดือนที่แล้วกว่า 30,000 บาท ส่วนที่เหลือก็นำมาให้ตน เพื่อส่งต่อผู้ที่ต้องดูแลวัดตามลำดับขั้นตอนต่อไป

ส่วนเรื่องที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับสีกากอล์ฟได้อย่างไรนั้น อดีตพระมหาทิวากรเล่าว่า ทางสีกากอล์ฟเคยมาทำบุญที่วัด จากนั้นก็มีการโทรศัพท์มาขอยืมเงิน โดยอ้างว่าป่วยเข้าโรงพยาบาลแล้วไม่มีเงินจ่ายค่ารักษา จะขอยืมเงินไปจ่ายหมอเพื่อจะออกจากโรงพยาบาล ซึ่งทางอดีตพระมหาทิวากรเห็นว่าเคยมาทำบุญที่วัด จึงตัดสินใจโอนให้ไป จากนั้นก็มีการขอยืมกันมาเรื่อย ๆ แต่ละครั้งไม่มากเท่าไหร่ ตามที่บอกก็เป็นหลักหมื่น พอยืมไปก็มีการโอนคืนบ้างหรือเป็นเงินสดบ้าง ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ตรวจสอบและสอบสวน เพราะเขาเองก็สึกไปแล้ว จึงไม่เกี่ยวกับทางสงฆ์อีก เป็นเรื่องของตำรวจแล้ว จะมีความผิดหรือไม่ และจะจริงเท็จแค่ไหนจากข้อมูลที่เขาเล่ามานั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับการพิสูจน์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น
สาครออนไลน์ เรียบเรียงโดย กองบรรณาธิการ