“สส.ฟลิ้น” ชี้เปิดทดลองใช้ M82 หวังบรรเทารถติด ถ.พระราม 2 ยื่นหนังสือสะท้อนปัญหาถึง รมต.

“ณัฐพงษ์” สส. สมุทรสาคร ขานรับ “พิพัฒน์” รองนายกฯ-รมว.คมนาคม สั่งเปิดทดลองใช้มอเตอร์เวย์ M82 ช่วงบางขุนเทียน-เอกชัย หวังช่วยบรรเทารถติดถนนพระราม 2 ชี้ระยะทางสั้น ทางขึ้น-ลงมีข้อจำกัด ย้ำทำหน้าที่ผู้แทนฯ ส่งหนังสือถึงรัฐมนตรี สะท้อนปัญหาความปลอดภัย-น้ำท่วมขัง-ถนนชำรุด ผลักดันให้แก้ไข พอใจขยับเวลาปิด-เปิดช่องทางหลักเป็น 20.30 – 05.30 น. แต่ต้องทำได้จริงตามที่ประกาศ

จากกรณีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างบนถนนพระราม 2 ได้แก่ โครงการทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 (M82) สายทางยกระดับบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว และโครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ด้านตะวันตก เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ที่ผ่านมา และได้สั่งการให้กรมทางหลวง เปิดให้ประชาชนทดลองใช้ทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 ช่วงต่างระดับบางขุนเทียน-เอกชัย ระยะทาง 8.3 กม. โดยไม่เก็บค่าผ่านทาง ตั้งแต่วันพุธที่ 22 ต.ค. 2568 เป็นต้นไปนั้น

นายณัฐพงษ์ สุมโนธรรม สส. สมุทรสาคร เขต 1 เปิดเผยกับ “สาครออนไลน์” ถึงกรณีการเปิดให้ทดลองใช้ทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 ช่วงต่างระดับบางขุนเทียน-เอกชัย ว่าจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน โดยเฉพาะชาวจังหวัดสมุทรสาครได้หรือไม่นั้น ตนมองว่าการมีทางเลือกที่มากขึ้นให้กับพี่น้องประชาชน สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมย่อมเป็นเรื่องที่ดี แต่ด้วยระยะทางที่ไม่ยาวนัก และมีข้อจำกัดเรื่องทางขึ้นลง ทำให้ยังไม่ครอบคลุม ประชาชนที่มีธุระหรือมีที่พักอาศัยระหว่างทางในจุดที่ยังไม่มีทางขึ้นลงก็ยังไม่สามารถเลือกเดินทางข้างบนได้ ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าสุดท้ายจะมีการทดลองใช้มากน้อยแค่ไหน

แต่การมีช่องจราจรให้สัญจรมากขึ้น ย่อมเป็นหนทางหนึ่งในการช่วยระบายรถ แต่จะช่วยได้มากน้อยแค่ไหนคงต้องติดตามและตรวจสอบต่อไป แต่ประเทศเราเน้นสร้างถนน โดยที่ทางเลือกการเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะกลับน้อยสวนทาง ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดาย การเดินทางข้ามเมืองเป็นเรื่องลำบาก เมื่อเป็นเช่นนั้นประชาชนไม่มีทางเลือก ก็จำเป็นต้องมีรถส่วนตัว รถบนท้องถนนก็ย่อมมากขึ้นเรื่อย ๆ

แต่อย่างไรก็ตาม ในประเด็นเรื่องพระราม 2 นอกจากการมีช่องทางจราจรที่มากขึ้นแล้ว ถนนข้างล่างเอง ก็ไม่ควรมีข้อจำกัดที่ส่งผลทำให้รถชะลอตัว เช่น น้ำท่วมขัง ถนนขรุขระ เส้นจราจรชวนสับสน ไฟแสงสว่างไม่เพียงพอ การวางแบริเออร์ล้ำออกมา การบีบเลน ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ควรถูกแก้ไข เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชนและลดอุบัติเหตุ

ส่วนการยื่นหนังสือถึงรองนายกฯ และ รมว.คมนาคม เรื่องปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนระหว่างการก่อสร้างทางยกระดับพระราม 2 และคาดว่าปัญหาดังกล่าวจะได้รับการแก้ไขหรือไม่นั้น นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ตนในฐานะผู้แทนประชาชน แม้ไม่ได้มีอำนาจโดยตรง ไปสั่งหน่วยงานไม่ได้ แต่ก็ไม่สามารถนิ่งเฉย ไม่สามารถเห็นประชาชนต้องทนความลำบาก คุณภาพชีวิตลดลงจนหลายคนเครียดและรู้สึกแย่ และต้องมากังวลเรื่องความปลอดภัย และด้วยความที่ชอบรับฟังเสียงสะท้อนของประชาชน ก็เลยเปิดรับฟังความเห็นและรวบรวมปัญหาทั้งหมด เพื่อตั้งใจนำไปสะท้อนไปยังผู้มีอำนาจ ซึ่งก็คือรองนายกฯ และ รมว.คมนาคม ผู้ที่รับผิดชอบโครงการฯ ให้ทราบปัญหาและพิจารณาแก้ไขปัญหาประชาชนตามที่เห็นสมควร เพราะทางรัฐมนตรีเองก็อาจไม่รู้ข้อมูล คงได้ฟังรายงานจากผู้รับผิดชอบโครงการ แต่คงไม่ได้มาสัมผัสเอง เพราะบ้านรัฐมนตรีไม่ได้อยู่แถวนี้ ดังนั้นจะแน่ใจได้อย่างไรว่ารัฐมนตรีจะได้ทราบข้อมูลความลำบากของประชาชนจริง ๆ

ตนเองที่ได้สัมผัสปัญหาอยู่กับพื้นที่ ก็ต้องนำสิ่งเหล่านี้ไปสะท้อน ซึ่งไม่ใช่ทำแค่สมัยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ เป็น รมว.คมนาคม แต่สมัยที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เคยเป็น รมว.คมนาคม ก็เคยยื่นหนังสือไปหลายเรื่องที่เป็นปัญหาที่ประชาชนสะท้อนมา ก็มีการแก้ไขไปบ้าง แต่ก็ต้องรอดูว่า รมว.คมนาคม คนใหม่ เมื่อทราบปัญหาแล้วจะนำปัญหาของประชาชนไปผลักดันแก้ไขหรือไม่

ส่วนประเด็นที่ตนยื่นหนังสือนั้น มีตั้งแต่เรื่องความปลอดภัย ประชาชนต้องปลอดภัยจริง ๆ ปัญหาน้ำท่วมและระบายน้ำไม่ทันบนผิวจราจร สภาพถนนชำรุดและการคืนผิวจราจรไม่เรียบ ไฟส่องสว่างไม่เพียงพอ เวลาการเปิดปิดถนนทางหลักพระราม 2 ส่งผลให้รถติดสะสม ฯลฯ ซึ่งในสมัย รมว.พิพัฒน์ ตนมีโอกาสได้เคยยื่นหนังสือที่สภาไปหนึ่งรอบ ได้ประสานข้อมูลและชวนมาดูปัญหาที่หน้างานจริง ๆ ซึ่งวันที่มีโอกาสได้พูดคุยก็เห็นความตั้งใจของ รมว.คมนาคมคนปัจจุบัน ที่แม้จะมีเวลาอยู่ในตำแหน่งอาจจะไม่นานมาก แต่ก็ได้รับแจ้งมาว่าเรื่องพระราม 2 ก็เป็นสิ่งที่ตั้งใจอยากแก้ปัญหา

และล่าสุดการได้เห็น รมว.คมนาคม มาลงพื้นที่ดูปัญหาด้วยตัวเอง และรัฐมนตรียังได้มีการแถลงข่าวมีข้อสั่งการและวางนโยบายไปยังผู้เกี่ยวข้อง ก็เป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์กับประชาชน หากปัญหาถูกแก้ได้หรือบรรเทาเบาบางลงบ้างอย่างที่พูดออกมา ทั้งนี้ เวลาคงจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าพูดแล้วทำหรือไม่ หวังว่าสิ่งที่ประกาศออกมา จะอยู่บนข้อเท็จจริง ไม่รับปากกับสาธารณชนไปแล้วแต่ทำไม่ได้ ไม่อยากเห็นแบบนั้น ซึ่งในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติและเป็นฝ่ายค้านก็จะทำหน้าที่ตรวจสอบ รวมถึงหากประชาชนเผชิญปัญหาอะไร ก็จะทำหน้าที่นำปัญหาไปสะท้อนต่อไป

เมื่อถามว่า การที่รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม ได้พิจารณาเลื่อนเวลาปิด-เปิดการจราจรช่องทางหลัก ถนนพระราม 2 จากเดิมเวลา 19.00 น. – 05.30 น. เป็นเวลา 20.30 – 05.30 น. ตรงนี้เป็นที่น่าพอใจหรือไม่ นายณัฐพงษ์ ชี้แจงว่า ตนเคยนำเรื่องเวลาเปิด-ปิดทางหลักถนนพระราม 2 ที่ปิดเร็วเกินไปไปพูดในสภาฯ ในช่วงปรึกษาหารือด้วย เพราะเห็นว่านี่คือความเดือดร้อนของประชาชน เป็นปัญหาเฉพาะหน้าที่เร่งด่วน ซึ่งในตอนนั้นที่มีมาตรการเรื่องนี้ออกมา หากนึกถึงประชาชนคนส่วนใหญ่ ก็ไม่น่าจะต้องปิดไวขนาดนี้หรือไม่ เพราะไม่สอดรับกับวิถีชีวิตของประชาชนแถวนั้น

เนื่องจากเวลา 19.00 น. ก็ปิดแล้ว ซึ่งเป็นเวลาที่ประชาชนบางส่วนยังไม่ถึงบ้าน ทำให้รถติดสะสมมาก กระทบกับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะคนสมุทรสาครเต็ม ๆ แล้วตอนเช้าบางวัน สัญญาว่าจะคืนผิวถนนตอน 05.30 น. แต่บางวันสายแล้วก็ยังไม่คืน จนตอนเช้ารถติดมาก ก็ต้องนำเรื่องเหล่านี้ไปสะท้อนในสภาเพื่อให้ผู้มีอำนาจได้รับทราบ แล้วพิจารณาแก้ไขตามที่เห็นสมควรแบบวิญญูชน เพราะผู้มีอำนาจจะมองมิติว่า อยากเร่งงานให้เสร็จอย่างเดียวไม่ได้ แล้วประชาชนที่เขาเดือดร้อนอยู่ทุกวันจะไม่สนใจหรืออย่างไร ล่าสุดเมื่อ รมว.คมนาคม ประกาศออกมาว่าให้ผู้เกี่ยวข้องพิจารณาขยับเวลา เป็น 20.30 น. และจะต้องคืนผิวจราจรตอนเช้าเวลา 05.30 น. ให้ตรงเวลา หากทำได้แบบที่พูดประกาศไว้ ก็เป็นสิ่งที่น่าจะบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนได้บ้าง หากทำแบบที่พูด แบบที่ประกาศได้จริง ๆ

สาครออนไลน์ โดย กิตติกร นาคทอง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *