“ไทยยูเนี่ยนฯ” รับอานิสงส์เงินยูโรอ่อนค่า ไตรมาส 1/58 กำไร 1.5 พันล้าน

922-1

ธีรพงศ์ จันศิริ

บมจ.ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกปี 58 มีกำไรสุทธิ 1,507 ล้าน เพิ่มขึ้น 58.7% ชี้ได้รับอานิสงส์จากเงินยูโรที่อ่อนค่า ส่วนยอดขายกระเตื้องเล็กน้อย 2.4% ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มธุรกิจปลาทูน่า ตลาดสหรัฐฯ ยังครองสัดส่วนรายได้จากอาหารแช่แข็ง แต่ตลาดในไทยยอดขายเพิ่มขึ้น 25%

เมื่อวันที่ 15 พ.ค. บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ทียูเอฟ ผู้ผลิตทูน่าบรรจุกระป๋อง และอาหารทะเลรายใหญ่ รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกประจำปี 2558 พบว่ามีกำไรสุทธิ 1,507 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.7% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลมาจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน บริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่เท่ากับ 13.8% ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกันกับไตรมาส 4/2557

สำหรับยอดขายรวมของกลุ่มบริษัทในไตรมาสแรก 28,606 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.4% จากยอดขาย 27,948 ล้านบาทในช่วงเดียวกันกับปีที่แล้ว แม้ว่าช่วงไตรมาสแรกจะอยู่ในช่วงโลว์ซีซั่น อีกทั้งยังได้รับผลกระทบจากราคาวัตถุดิบปลาทูน่าและกุ้ง ที่ทำให้มูลค่าของยอดขายลดลง และส่งผลต่อธุรกิจรับจ้างผลิต แต่ก็ได้รับผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากค่าเงินยูโรอ่อนตัว และผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจแบรนด์ในยุโรป

“ถึงแม้ว่าค่าของเงินยูโรที่อ่อนตัว จะช่วยสร้างกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนในไตรมาสนี้ แต่ขณะเดียวกันก็มีผลต่อยอดขายและการทำกำไรให้กับบริษัทจากธุรกิจของเราในยุโรป ซึ่งปกติแล้วในช่วงเวลานี้ ถือเป็นช่วงที่ธุรกิจในยุโรปมักจะมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง” รายงานระบุ

922-2

ส่วนภาพรวมสัดส่วนรายได้ของ 6 กลุ่มธุรกิจ พบว่ามีรายได้ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มธุรกิจปลาทูน่า 38% รองลงมาคือกลุ่มธุรกิจกุ้งและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกุ้ง 28% กลุ่มธุรกิจปลาซาร์ดีนและปลาแมคเคอเรล 6% จากการรับรู้รายได้ของบริษัท เมอร์อไลอันซ์ บริษัท คิง ออสการ์ และบริษัท โอไรออนที่บริษัทฯ ได้เข้าซื้อกิจการไปเมื่อปีที่แล้ว นอกจากนี้ พบว่ามีรายได้จากกลุ่มธุรกิจปลาแซลมอน 9% กลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง 6% และกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มและผลิตภัณฑ์อื่นๆ 13%

ขณะที่สัดส่วนรายได้ของกลุ่มธุรกิจทียูเอฟนั้น พบว่าตลาดสหรัฐอเมริกามากที่สุด 43% ส่วนหนึ่งมาจากผลิตภัณฑ์แช่แข็ง รองลงมาคือยุโรป 28% ตลาดในประเทศไทย 9% ซึ่งเพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีก่อน นอกจากนี้ยังมีญี่ปุ่น 6% และตลาดอื่นๆ รวม 14%

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทียูเอฟ กล่าวว่า แม้ว่าไตรมาสนี้จะเป็นช่วงโลว์ซีซั่น แต่เราสามารถบริหารจัดการการดำเนินธุรกิจได้เป็นอย่างดี ทำให้กำไรสุทธิเติบโตถึง 58.7% สิ่งที่เรามุ่งเน้นในปีนี้คือ การบรรลุเป้าหมายรายได้ที่ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งมาจากการขยายการเติบโตของ 6 กลุ่มธุรกิจหลัก รวมถึงการพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทของเราทั่วโลก

สาครออนไลน์ เรียบเรียงโดย กองบรรณาธิการ



แสดงความคิดเห็น


เงื่อนไขในการแสดงความคิดเห็น
• กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำที่สุภาพ โปรดงดเว้นการใช้คำหยาบคาย ส่อเสียด ดูหมิ่น กล่าวหาให้ร้าย สร้างความแตกแยก หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
• การลบความคิดเห็น ที่ไม่เหมาะสม สามารถกระทำได้ทันที โดยไม่ต้องมีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
• ทุกความคิดเห็นไม่เกี่ยวข้องกับผู้ดำเนินการเว็บไซต์ และไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้

เรื่องก่อนหน้า-ย้อนหลัง