“ดี-แลนด์” คาดปี 59 อสังหาฯ โตรับเมกะโปรเจ็กต์รัฐ พร้อมบุก กทม.-ตะวันออก
ศิริพงษ์ สมบูรณ์
บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังในสมุทรสาคร เผยปี 2559 แนวโน้มเติบโตกว่าปีที่แล้ว แต่ยังมีภาระหนี้ครัวเรือนและเศรษฐกิจโลกเป็นปัจจัยเสี่ยง เตรียมขยายการลงทุนเข้าสู่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และชลบุรี พร้อมปรับสัดส่วนโครงการใหม่ และเพิ่มเช่าที่สร้างรายได้ประจำ
นายศิริพงษ์ สมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี-แลนด์ กรุ๊ป จำกัด บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ ตอนใต้ สมุทรสาคร และโซนภาคตะวันออก เปิดเผยว่า แนวโน้มการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์ในปี 2559 ยังคงมองตลาดเป็นไปในทิศทางบวก เติบโตดีกว่าปี 2558 สืบเนื่องจากมาตรการต่างๆ ของภาครัฐ อาทิ แรงส่งจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ระยะสั้น ทั้งการลดค่าธรรมเนียมโอน ค่าจดจำนอง ซึ่งจะหมดลงภายในไตรมาส 1 ของปีนี้
รวมถึงโครงการบ้านหลังแรกไม่เกิน 3 ล้านบาท ที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ปีละ 600,000 บาท ในเวลา 5 ปี ที่ได้สิ้นสุดลงไป แต่ในปีนี้ยังมีแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากโครงการลงทุนสาธารณูปโภคพื้นฐานจากภาครัฐ ทั้งทางน้ำ ทางบก ทางอากาศ โดยคาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนจากภาครัฐกว่า 3 แสนล้านบาท ลงมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจ มีผลทางบวกโดยตรงกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
สำหรับปัจจัยลบ คือ เรื่องภาระหนี้ครัวเรือนในระดับสูง และความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร รวมถึงปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ยังคงอ่อนไหว เกิดการชะลอตัว ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการส่งออกของไทยมากพอสมควร ซึ่งยังเป็นปัญหาเดิมที่ส่งผลต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว จะเป็นตัวแปรสำคัญที่จะส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปีนี้
นายศิริพงษ์ยังกล่าวว่า แผนรับมือตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2559 บริษัทฯ ได้วางแผนขยายตัวจากสมุทรสาคร เข้าสู่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และโซนภาคตะวันออก โดยเฉพาะ จ.ชลบุรีเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นโซนที่เติบโตทางเศรษฐกิจ และอสังหาริมทรัพย์ที่ดีในอนาคต โดยจะปรับสัดส่วนใหม่ แบ่งเป็นที่อยู่อาศัย (Residential) ทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม 45% อสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าและการลงทุน (Product For Investment) 45% ต่อยอดจากโครงการ ดีคอมเพล็กซ์ศรีราชา-นิคมปิ่นทอง 1
พร้อมกันนี้ ยังมองถึงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในรูปแบบอื่นเข้ามาเสริม จับกลุ่มลูกค้าทั้งนักลงทุน และพนักงานประจำที่ต้องการสินทรัพย์และรายได้ระยะยาวหลังเกษียณอายุ โดยจะเพิ่มกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพเพื่อแก้ปัญหาหนี้สินครัวเรือน นอกจากนี้ จะมีแผนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ประเภทเช่าที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) อีก 10% เพื่อบริหารความเสี่ยงและกระจายการลงทุนอีกด้วย
“โดยรวมแล้วมองว่าปีหน้าตลาดอสังหาฯ ยังมีแรงบวกอยู่ เป็นการทำงานที่ท้าทายสำหรับบริษัทฯ ในการช่วงชิงโอกาสจากปัจจัยบวกมาพัฒนาและบริหารธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้ ซึ่งจะต้องศึกษาและเตรียมแผนการรับมือโดยพิจารณาทั้งทำเล รูปแบบของโครงการ และเรียลดีมานด์ที่มีอยู่จริง กลยุทธ์ในปีหน้าคือ เน้นกระจายการลงทุน และแบ่งสัดส่วนการพัฒนาสินค้าตามความต้องการของตลาด ซึ่งจะเป็นแนวทางในการเดินหน้าสู่เป้าหมายต่อไป” นายศิริพงษ์ กล่าว
นายศิริพงษ์ ยังกล่าวถึงภาพรวมผลประกอบการของบริษัทฯ ในช่วง 10 เดือนของปี 2558 ว่า สามารถทำยอดขายไปแล้วกว่า 1 พันล้านบาท จากเป้าหมายที่วางไว้ทั้งปีที่ 1,200 ล้านบาท โดยเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 30% และยังมียอดขายที่รอรับรู้รายได้จากการโอน (Backlog) ที่สะสมอยู่ในมือประมาณ 300 ล้านบาท หากทำได้ตามเป้าหมายจะเติบโตจากปีที่แล้ว 60% โดยยอดขายที่เติมโตขึ้นจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์จากรัฐบาล และการพัฒนาโครงการใหม่ที่สอดคล้องกับความต้องการลูกค้าเพิ่มมากขึ้น
โดยโครงการเดอะ พราว พระราม 2 บ้านเดี่ยวทำเลกลางเมืองมหาชัย ราคาเริ่มต้นที่ 4.5 ล้านบาท ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากจำนวน 77 ยูนิต สามารถปิดการขายได้เกือบ 50% ภายในระยะเวลาเพียง 5 เดือน นอกจากนี้ยังมี โครงการดีคอมเพล็กซ์ พระราม 2 อาคารพาณิชย์ขนาด 14 ยูนิต สามารถปิดการขายได้ภายในวันเดียว และโครงการดีคอมเพล็กซ์ ศรีราชา-ปิ่นทอง 1 อาคารพาณิชย์กึ่งอพาร์ทเม้นท์ ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 90% จากจำนวนทั้งหมด 115 ยูนิต ภายในระยะเวลา 1 ปี เท่านั้น
สาครออนไลน์ เรียบเรียงโดย กองบรรณาธิการ