ห่วงผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ติดโควิด-19 อายุมาก-มีโรคประจำตัว สธ.ลั่นดูแลเต็มที่

อธิบดีกรมควบคุมโรค ห่วงผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ติดเชื้อโควิด-19 อายุมาก มีโรคประจำตัว ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงมีภาวะแทรกซ้อนได้ ย้ำสาธารณสุขดูแลอย่างดี “อนุทิน” ตรวจแล้วผลเป็นลบ ขอทำงานที่บ้าน ให้กำลังใจหายป่วยโดยเร็ว นายกฯ ระบุ ยาฟาวิพิลาเวียร์ก็เพียงพอ รักษาก็หาย ไม่ได้ไปเที่ยวเตร่ ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 1,590 ราย รักษา 297 ราย นอกนั้นสังเกตอาการ

วันนี้ (28 ธ.ค.) สื่อมวลชนหลายสำนักรายงานว่า นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร มีอาการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และพักรักษาตัวที่ห้องพิเศษ ศูนย์โควิดร่วมใจ โรงพยาบาลสมุทรสาคร ทันทีที่ชาวจังหวัดสมุทรสาครทราบข่าวต่างให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก เพราะช่วงที่ผ่านมานับตั้งแต่การระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ นายวีระศักดิ์ทำงานไม่มีวันหยุด โดยเฉพาะภารกิจดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในหมู่แรงงานต่างด้าว และการจัดตั้งศูนย์ห่วงใยคนสาคร ทำหน้าที่พักฟื้นผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวมทั้งยังทำความเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับประชาชนในจังหวัดอีกด้วย

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. นายวีระศักดิ์ได้ประชุมร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ระหว่างการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเพื่อติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร ก่อนเดินทางไปยังท่าเรือภัตตาคารเพื่อทำกิจกรรม “อาหารทะเลปรุงสุก กินได้ปลอดภัย ไร้โควิด-19” โดยร่วมกับนายอนุทินและคณะสาธิตการทำ “ข้าวผัดหมอหนู” และ “ต้มยำกุ้งหมอหนู” จากนั้นลงไปตรวจเยี่ยมสถานที่จัดตั้งศูนย์ห่วงใยคนสาคร ที่สนามกีฬาจังหวัดสมุทรสาคร และตลาดกุ้งจังหวัดสมุทรสาคร

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ยอมรับว่า มีข้าราชการระดับสูงของจังหวัดสมุทรสาครติดเชื้อโควิด-19 โดยผลแลปทั้ง 2 ครั้งยืนยันการติดเชื้อแล้ว และมีประวัติการทำงานในพื้นที่ที่พบการระบาดของเชื้อไวรัส ซึ่งมีความเสี่ยงสูง โดยในวันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข ร่วมประชุมกับข้าราชการดังกล่าวเป็นเวลา 1 ชั่วโมง เมื่อย้อนดูภาพที่บันทึกไว้ก็พบว่ามีการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา แต่อย่างไรก็ตาม กระบวนการสอบสวนโรคก็ต้องเริ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ทำให้ทราบว่าพื้นที่ จ.สมุทรสาครยังน่ากังวล ยังต้องอยู่ในระดับพื้นที่ควบคุมสูงสุด และขอฝากจังหวัดใกล้เคียงให้ความสำคัญสูงสุด ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้รับทราบข้อมูลดังกล่าวแล้ว ได้แสดงความห่วงใยขอให้ทุกคนดูแลตัวเองอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ยืนยันว่าการติดเชื้อของผู้บริหารไม่ได้มีเฉพาะประเทศไทย แต่มีหลายประเทศ หลังจากนี้ให้ผู้บริหารที่อยู่ลำดับรองมาปฏิบัติหน้าที่แทน

นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี รมว.สาธารณสุข โฟสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว สาระสำคัญระบุว่า ทราบข่าวว่านายวีระศักดิ์ติดเชื้อโควิด-19 เมื่อเช้าวันที่ 28 ธ.ค. ขอให้กำลังใจ และอวยพรให้ผู้ว่าฯ สมุทรสาครหายป่วยในเร็ววัน พร้อมกับยกย่องว่าเป็นคนทำงานที่ทุ่มเท อดทน เสียสละ ด้วยความรักที่มีต่อประชาชนชาวสมุทรสาคร อย่างจริงใจ ก่อนจะเข้าไปตรวจหาเชื้อ ยังเข้าประชุมและไปตรวจความคืบหน้าสร้างโรงพยาบาลสนาม ด้วยตนเอง ซึ่งผู้ว่าฯ สมุทรสาครติดเชื้อ จากการทำงานหนัก ดูแลประชาชนให้ปลอดจากการติดเชื้อ แต่ติดเชื้อเสียเอง แม้จะป้องกันตัวอย่างดี แต่ก็อาจจะพลาดได้ แม้ตนจะไม่ใช่ผู้ติดเชื้อ และมีความเสี่ยงต่ำ แต่จะไปตรวจหาเชื้อเป็นระยะตามเวลาที่แพทย์กำหนด และสั่งให้ตรวจ ขอให้ทุกคนให้กำลังใจผู้ว่าฯ สมุทรสาคร อวยพรให้หายป่วยโดยเร็วด้วย สำหรับตนในช่วงที่กักตัวและเฝ้าระวัง ก็จะทำงานแบบเวิร์คฟอร์มโฮม (Work From Home) จากที่บ้าน เพื่อลดความเสี่ยงของทุกคน และเป็นกำลังใจให้คนทำงานทุกคน

“แพทย์บอกว่าท่านเป็นผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการป่วย แต่ได้ให้ท่านเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล แล้วเมื่อท่านผู้ว่าฯ เป็นผู้ติดเชื้อ ผมก็ต้องเป็นผู้เสี่ยง เพราะเพิ่งประชุมและทำงานกับท่านผู้ว่าฯ แพทย์ให้ความเห็นว่าผมเป็นผู้มีความเสี่ยงต่ำ เพราะผมและท่านผู้ว่าฯ ใส่หน้ากากอนามัย ตลอดเวลาที่ประชุมร่วมกัน ผมจึงต้องเฝ้าระวังอาการตัวเอง 14วัน และวันนี้ ได้ตรวจหาเชื้อตามแพทย์แนะนำแล้ว ผลเป็น negative (ผลเป็นลบ) อย่างไรก็ตาม เพื่อลดความเสี่ยงของผู้อื่นที่จะต้องมาพบ มาประชุม มาทำงานร่วมกับผม และเป็นการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ผมจึงยกเลิกการพบปะกับบุคคลต่างๆ ทั้งหมด ทันทีที่ทราบผลการตรวจของท่านผู้ว่าฯ และขอกักตัวเอง 14 วัน เพื่อเฝ้าสังเกตอาการตัวเอง ตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข นับจากวันนี้เป็นต้นไป” นายอนุทิน กล่าว

ที่กระทรวงสาธารณสุข นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข แถลงข่าวระบุว่า ขณะนี้นายอนุทิน ได้ตรวจหาเชื้อเบื้องต้นเป็นลบ แต่ด้วยความรับผิดชอบและตามมาตรการกรมควบคุมโรค และเพื่อความปลอดภัยในการแพร่ระบาดเชื้อ นายอนุทิน ได้กักตัวเอง 14 วัน และจะตรวจอีกครั้งหลังจากนี้ไปอีก 3 วัน เพื่อยืนยันเชื้อเป็นไปตามหลักทางการวิชาการว่า เชื้อจะฟักตัว 5-7 วัน โดยจะตรวจซ้ำอีกครั้ง แต่ช่วงเวลานี้จะกักตัวจนครบ 14 วัน และทำงานนิวนอร์มัล สั่งงานผ่านไลน์ ประชุมผ่านโซเชียลมีเดีย จึงขอยืนยันว่า ท่านตัดสินใจกักตัวเอง และจะมีไทม์ไลน์ของตัวท่านออกมา

ขณะที่ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ผลแล็บยืนยันจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เพิ่งออกมาว่า นายอนุทิน ไม่พบเชื้อ และต้องขอให้เป็นกำลังใจกับผู้ว่าฯ สมุทรสาคร เพราะตั้งใจทำงาน ทุ่มเททำงานลงพื้นที่ตลอด แต่ด้วยอายุมาก มีโรคประจำตัว ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงมีภาวะแทรกซ้อนได้ ทางกระทรวงสาธารณสุขจะดูแลอย่างดี ส่วนนายอนุทิน ยืนยันผลตรวจครั้งแรกไม่พบเชื้อ แต่ไม่ได้หมายความว่า ไม่พบเชื้อจะไม่ดำเนินการอะไร เพราะยังต้องกักตัว 14 วัน และตรวจทางห้องปฏิบัติการเป็นระยะอีก ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีที่ไม่ปกปิดข้อมูล

สำหรับนิยามของผู้เสี่ยงสูง คือ 1. มีการไอจามต่อกัน ไม่ใส่หน้ากากอนามัยและหน้ากากผ้า 2.มีการพูดคุยใกล้ชิดไม่เกิน 1 เมตรโดยไม่สวมหน้ากากอนามัย และ 3. อยู่ในสถานที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก เช่น รถตู้ หรือห้องประชุม ในระยะ 5 เมตรเกิน 15 นาที ยิ่งไม่ใส่หน้ากากอนามัยความเสี่ยงก็จะเพิ่มขึ้น สำหรับคนอื่นๆ กำลังดำเนินการแยกอยู่ และรอผลทางห้องปฏิบัติการอยู่ แต่จะมีการกักตัวอีกครั้ง ซึ่งตนเห็นว่า ผู้บริหารมีการสวมหน้ากากอนามัยทุกคน และยังเป็นหน้ากาก N95 ด้วยซ้ำ ส่วนจะติดเชื้อจากจุดไหนนั้น ทางจังหวัดกำลังดำเนินการ แต่จากประวัติศาสตร์ เมื่อเจอผู้ป่วย 1 คน คนที่เสี่ยงสูงคือ คนในครอบครัวมีโอกาสติดเชื้อ 40-50% ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงสูงมีโอกาสติดเชื้อ 10% ส่วนกลุ่มอื่นโอกาสติดเชื้อต่ำกว่า 1%

ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีที่ พล.ท.สันติพงษ์ ธรรมปิยะ รองเสนาธิการทหารบก ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กองทัพบก (ศบค.ทบ.) ได้เข้าร่วมประชุมกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทสาคร ในเรื่องการจัดพื้นที่โรงพยาบาลสนาม เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. ถือเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดหรือไม่ ว่า ล่าสุดทางรองเสนาธิการทหารบก ได้เดินทางไปตรวจที่โรงพยาบาลแล้ว ในส่วนของเรื่องการสอบสวนโรคเป็นหน้าที่ของทางกระทรวงสาธารณสุขและทางกรมแพทย์ทหารบก จะเป็นผู้ดำเนินการ ไปที่ไหนอย่างไรจะมีกระบวนการตรวจสอบอย่างละเอียด ขอให้มั่นใจเพราะได้ให้ความร่วมมือเต็มที่

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ครั้งที่ 3/2563 ว่า กรณีที่ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ติดเชื้อโควิดนั้น เพราะลงพื้นที่ไปดูแลประชาชนในพื้นที่ที่มีการระบาด โรงพยาบาลสนามก็ไป จะเป็นหรือไม่เป็นก็รักษาพยาบาล ยาฟาวิพิลาเวียร์ก็เพียงพอ รักษาก็หาย เขาไม่ได้ไปเที่ยวเตร่มา ตนเองก็มีโอกาสติด ตนไปที่โน้นที่นี่เหมือนเขาไปตนก็ตรวจ เมื่อเช้านี้ตรวจเลือด แต่ไม่ใช่ตรวจแล้วทุกคนตื่นตระหนกไปหมด แล้วพาดหัวข่าวในทำเนียบฯ ตรวจเลือดผลเป็นลบ 6 คน ถึงเวลาเขาไปตรวจ Swab มาแล้วไม่เป็น ไม่เห็นออกข่าวให้เลย อย่างนี่ออกไปทำไม ตนอยากจะรู้ เป็นการดูแลให้ปลอดภัยในทำเนียบฯ ไม่ดีหรือ

ที่บริเวณลานต้นโพธิ์ โรงพยาบาลสมุทรสาคร ถนนเอกชัย ต.มหาชัย อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร ได้มีการประกาศและจัดสถานที่ ให้ผู้สื่อข่าวที่ทำข่าวใกล้ชิดกับผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ให้มาตรวจโพรงจมูกเพื่อค้นหาว่าติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยง โดยมีผู้สื่อข่าวจากทุกสำนักทั้งส่วนกลางและท้องถิ่น ต่างมาทยอยเข้ารับการตรวจ ซึ่งผู้สื่อข่าวทุกคนต่างมีขวัญและกำลังใจดี ไม่ได้อยู่ในความวิตกกังวลแต่อย่างใด โดยทุกคนเข้าใจในสถานการณ์เป็นอย่างดี ที่ผ่านมามีการป้องกันตนเองทุกคน การทำงานข่าวในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง คือหน้าที่ก็ต้องมีความเสี่ยงเป็นเรี่องธรรมดา ต่อจากนี้ก็ต้องกักตัวรอดูรอฟังผลการตรวจที่จะออกมาในอีก 3 วันข้างหน้า

นายกิตติกร นาคทอง ผู้สื่อข่าวสาครออนไลน์ กล่าวว่า วานนี้ (27 ธ.ค.) ตนเองได้ทำข่าวที่นายอนุทินได้ลงพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร โดยทางผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครให้การต้อนรับในครั้งนี้ด้วย หลังจากที่ตนได้ทราบข่าวว่าทางผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ติดเชื้อโควิด-19 จึงต้องเข้ารับการตรวจกับทางโรงพยาบาลสมุทรสาคร เพื่อยืนยันว่าตนเองนั้นไม่ได้ติดเชื้อโควิด-19 แต่ทั้งนี้ ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดได้หายป่วยเป็นปกติโดยเร็ว เพราะที่ผ่านมาได้เสียสละเข้าพื้นที่เสี่ยงหลายครั้ง เพื่อแก้ปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้คลี่คลายโดยเร็วที่สุด และฝากไปยังชาวสมุทรสาครทุกคน ขอให้ปฏิบัติตามมาตรการที่ผู้ว่าฯ สมุทรสาครได้ฝากไว้ ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ และเช็กอินแพลตฟอร์มไทยชนะ มั่นใจว่าไม่แพ้แน่นอน เราจะผ่านไปด้วยกัน

ด้านสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร ได้รายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ล่าสุด โดยพบว่ามีผู้ป่วยจากการระบาดระลอกใหม่เพิ่มขึ้นอีก 42 ราย ส่งผลให้มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 1,590 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 297 ราย แบ่งเป็นคนไทย 263 ราย ต่างด้าว 34 ราย สังเกตอาการ 1,293 ราย เป็นคนไทย 3 ราย และต่างด้าว 1,290 ราย

สาครออนไลน์ เรียบเรียงโดย กองบรรณาธิการ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *