“ผู้ว่าวีระศักดิ์” คัมแบ็คสู้งานสมุทรสาครอีกครั้ง ขอบคุณทุกกำลังใจให้รอดกลับมาได้

“วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี” ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร กลับเข้าทำงานที่ศาลากลางจังหวัดฯ อีกครั้ง หลังจากพักฟื้นร่างกาย วอนประชาชนเข้าใจการปรับพื้นที่จากสีส้มเป็นสีแดง เดินหน้าสู้โควิดไปด้วยกัน พร้อมขอบคุณทุกกำลังใจขณะเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล

เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 19 เม.ย. 64 นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วย นางชุติพร วิจิตร์แสงศรี นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรสาคร เดินทางจากบ้านสวนริมน้ำ ต.หัวตะพาน อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ซึ่งเป็นบ้านพักส่วนตัว กลับเข้ามาทำงานอีกครั้งที่ศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร หลังจากได้รับการพักฟื้นและทำกายภาพบำบัดร่างกายต่อที่บ้านภายใต้การติดตามของคณะแพทย์ รพ.ศิริราช เป็นเวลา 1 เดือนเต็ม

โดยนายวีระศักดิ์ ประเดิมงานแรกด้วยการเป็นประธานการประชุมร่วมกับ นพ.นเรศฤทธิ์ ขัดธะสีมา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร และผู้บริหารโรงพยาบาลเอกชนทั้ง 8 แห่ง ได้แก่ รพ.มหาชัย, รพ.มหาชัย 2, รพ.มหาชัย 3, รพ.เอกชัย, รพ.วิชัยเวช อินเตอร์เนชั่นแนล (สมุทรสาคร), รพ.วิชัยเวช อินเตอร์เนชั่นแนล (อ้อมน้อย), รพ.วิภาราม สมุทรสาคร และ รพ.เจษฎาเวชการ เพื่อหารือในประเด็นการตรวจหาเชื้อโควิด-19 และการรับผู้ติดเชื้อเข้ามาดูแลรักษาตัวในโรงพยาบาล ภายใต้มาตรการของกระทรวงสาธารณสุข

นายวีระศักดิ์ เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ตนเองก็ได้ปฏิบัติงานมาอย่างต่อเนื่อง แต่เป็นในรูปแบบของ Work From Home และก็ได้ติดตามข่าวสารของ จ.สมุทรสาครมาตลอด โดยก่อนหน้านี้ประมาณ 2 สัปดาห์ ก็ตั้งใจจะกลับมาทำงานที่ จ.สมุทรสาคร แต่หมอทราบข่าวเสียก่อนจึงถูกสั่งห้ามไว้ ซึ่งสิ่งแรกที่ตนต้องการจะทำ คือ การสร้างความเข้าใจกับคนสมุทรสาครเกี่ยวกับการปรับพื้นที่จากสีส้มเป็นสีแดง ซึ่งหลายคนยังเข้าใจคลาดเคลื่อน

จึงอยากบอกกับทุกคนว่า การปรับเป็นพื้นที่สีแดงนั้น ด้วย จ.สมุทรสาครเป็นเขตปริมณฑล และไม่อยากให้เอามาเป็นเรื่องสำคัญ เพราะตอนนี้ทั้งประเทศก็ล้วนแต่เป็นพื้นที่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 เหมือนกัน และถ้าสังเกตจะพบว่าไม่ว่าจะเป็นพื้นที่สีแดงหรือสีส้มก็มีข้อบังคับการปฏิบัติที่แทบจะไม่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร ดังนั้นจึงอยากให้คนสมุทรสาครมีความเข้าใจตรงกัน และเดินหน้าสู้กับโควิด-19 ร่วมกัน

เมื่อถามถึงความพร้อมที่จะกลับมานำทีมบริหารงานจังหวัด เพื่อสู้กับโควิด-19 อีกครั้งนั้น นายวีระศักดิ์ ตอบว่า วันนี้ตนเองก็คิดว่าพร้อมสู้แล้ว แต่ก็ต้องแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะวันนี้เราไม่ได้ทำงานอยู่เพียงลำพัง เรามีทีมงานที่คอยช่วยเหลือกัน ทั้งรองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ และหัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆ ที่จะต้องคอยประคับประคองช่วยกันให้งานเป็นไปตามที่วางแผนไว้ รวมถึงพี่น้องชาวสมุทรสาครที่ได้ร่วมกันเดินหน้ามาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

เมื่อถามถึงสถานการณ์โควิด-19 ในจังหวัดสมุทรสาคร ความแตกต่างระหว่างก่อนเข้ารักษาตัวใน รพ.ศิริราช กับในตอนนี้เป็นอย่างไรนั้น นายวีระศักดิ์ บอกว่า สถานการณ์ในวันนี้ดีกว่าวันนั้นมาก เพราะก่อนที่ตนจะเข้าโรงพยาบาล มีผู้ติดเชื้อแต่ละวันเพิ่มจากหลักสิบเป็นหลักร้อย จนกระทั่งมียอดรวมเป็นหลักหมื่น แต่วันนี้ผู้ติดเชื้อรายวันมีแค่หลักสิบ และส่วนใหญ่ก็เป็นคนต่างจังหวัด ส่วนคนสมุทรสาครก็จะติดเชื้อมาจากข้างนอก วันนี้สามารถพูดได้ว่า จังหวัดสมุทรสาครเป็นโมเดลที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศเห็นว่า เราสามารถต่อสู้เอาชนะสถานการณ์โควิด-19 ที่เคยมีผู้ติดเชื้อค่อนข้างมากจนวันนี้เหลือน้อยลง

เมื่อถามถึงเรื่องของโรงพยาบาลสนามนั้น นายวีระศักดิ์ ก็บอกว่า ในวันที่ตนเข้ารับการรักษาใน รพ.ศิริราช ตนมีความกังวลใจส่วนหนึ่งว่าจะทำอย่างไรให้โรงพยาบาลสนามหรือศูนย์ห่วงใยคนสาครเกิดขึ้นให้ได้ เพราะเป็นสิ่งที่จะแยกผู้ที่ติดเชื้อให้ออกมาจากคนปกติ ถ้าไม่มีโรงพยาบาลสนามก็ไม่มีวันนี้ เชื่อว่าคนสมุทรสาครคงจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าโรงพยาบาลสนามเป็นจุดที่ทำให้จังหวัดดีขึ้นจากเดิมเป็นอย่างมาก เป็นหัวใจหลักในการต่อสู้กับสถานการณ์โควิด-19 แต่สิ่งที่ต้องยอมรับ คือ โรงพยาบาลสนามไม่ใช่สถานที่สุขสบาย มีหลายคนกล่าวถึงโรงพยาบาลสนามในด้านลบหลาย ๆ อย่าง จึงอยากให้เข้าใจร่วมกันว่า แม้โรงพยาบาลสนามจะไม่สะดวกสบายแบบอยู่บ้าน แต่ขอให้เข้าใจว่าโรงพยาบาลสนามจะเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยทำให้เราทุกคนสู้กับสถานการณ์โควิด-19 ได้อย่างทันท่วงที

นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนขอขอบพระคุณคนไทยทั้งประเทศ ขอบพระคุณคนสมุทรสาคร สำหรับกำลังใจที่ส่งไปให้ขณะที่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการสู้กับโควิด-19 นั้นก็คือกำลังใจ ซึ่งที่ผ่านมาตนเองยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่า จะสามารถมีชีวิตรอดกลับมาตรงนี้ได้อีกครั้ง แต่เพราะได้สิ่งสำคัญที่สุดมาช่วยพยุงนั่นก็คือ กำลังใจ ที่แม้จะเป็นนามธรรมจับต้องไม่ได้ แต่ก็เป็นสิ่งที่มีคุณค่ามหาศาล

ดังนั้นกำลังใจที่แต่ละคนมอบให้ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการต่อสู้กับสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบันนี้ เพราะทุกคนต้องการกำลังใจเป็นอย่างสูง เพื่อการยืนหยัดต่อไปให้ได้จนกว่าสถานการณ์จะผ่อนคลาย หรือผ่านพ้นไปในที่สุด วันนี้กำลังใจที่ทุกคนมีให้แก่กันและกัน จะเป็นพลังในการขับเคลื่อนให้สมุทรสาครเดินหน้าต่อไป ทำให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไป ตนไม่รู้ว่าในอนาคตเราจะประสบปัญหาเพิ่มมากขึ้นหรือน้อยลง  แต่ตนเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า วันที่เรายังมีลมหายใจ ยังมีกำลังใจที่ดี แม้จะมีอุปสรรคที่ท้าทายให้เราก้าวข้ามไป เมื่อเราผ่านพ้นไปได้ ความสำเร็จจะรอเราอยู่ข้างหน้าอย่างแน่นอน

สาครออนไลน์ โดย กิตติกร นาคทอง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *