เปิดใจหมอ รพ.เอกชัย ส่งต่อคนไข้โควิดกลางแดดจ้าในชุด PPE จนคนขับรถเป็นลม

แพทย์ รพ.เอกชัย เล่านาทีนำผู้ป่วยโควิด-19 ส่งต่อ รพ.บ้านแพ้ว เตียงแคปซูลเกิดล้อไม่กาง ท่ามกลางอากาศร้อนจัดในชุด PPE ทำพนักงานขับรถวูบ จนมีคนอัดคลิปเหตุการณ์แพร่โซเชียลเป็นข่าวดัง วอนให้เห็นใจบุคลากรทางการแพทย์ เพราะทำงานหนัก อยากดูแลทุกคน แต่ศักยภาพจำกัด

จากกรณีที่มีการแชร์ในโลกโซเชียล เป็นคลิปเหตุการณ์กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ 5 คน ในชุด PPE หรือชุดหมี ขณะกำลังเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิด-19 เข้าสู่โรงพยาบาล ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจัด จนมีคนหนึ่งถึงขั้นเป็นลมนอนไปกองอยู่กับพื้น ซึ่งคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่โดยผู้ใช้ติ๊กต๊อก “Fern Sureethorn” พร้อมกับเขียนข้อความว่า “สู้ๆนะคะฮีโร่ของประชาชน พวกคุณเก่งมากเลยนะ คงเหนื่อยและหายใจไม่ออกกันแทบเป็นลมแต่คุณก็ทำกันเต็มที่มาก #พื้นที่สีแดง #saveบุคลากรทางการแพทย์” โดยชาวเน็ตต่างชื่นชม และส่งกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานอย่างหนัก เสียสละในการต่อสู้กับโรคโควิด-19

ต่อมามีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Amol Singhsakul” ของ พญ.อมล สิงห์สกุล แพทย์ประจำโรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์การมหาชน) จ.สมุทรสาคร ออกมาโพสต์เรื่องราวนี้ว่า เคสดังกล่าวเป็นการส่งต่อผู้ป่วยมาจากโรงพยาบาลเอกชัย ข้อมูลผู้ป่วยมีน้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัม มีอาการไม่ค่อยดี แต่ในระหว่างเคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกจากรถพยาบาล เตียงแคปซูลคนไข้ล้อกลับไม่กางออก แพทย์และเจ้าหน้าที่จึงต้องยกเตียงผู้ป่วยแทน แต่ด้วยน้ำหนักของผู้ป่วยและอากาศที่ร้อนจัด ทำให้มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งถึงกับเป็นลม สุดท้ายเจ้าหน้าที่จากห้องไอซียูซึ่งสวมชุด PPE ต้องออกมาช่วย จึงเข็นผู้ป่วยต่อได้ และได้เปิดเผยโฉมหน้า 1 ในทีมเคลื่อนย้าย คือ พญ.นิษฐา เอื้ออารีมิตร อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินหายใจและเวชบำบัดวิกฤต ประจำโรงพยาบาลเอกชัย จ.สมุทรสาคร

ล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (28 เม.ย.) พ.ญ.นิษฐา เอื้ออารีมิตร ได้เปิดใจถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ในวันเกิดเหตุ มีคนไข้หนักที่จำเป็นต้องใช้ออกซิเจนแรงดันสูงหลายคนอยู่ในโรงพยาบาล ตนจึงคิดว่าต้องส่งตัวคนไข้ไปรักษาโรงพยาบาลอื่น ก็พยายามติดต่อหลายแห่ง พอดีรู้จักกับแพทย์ที่อยู่โรงพยาบาลบ้านแพ้วฯ ทางนั้นก็เลยรับเคสให้  และก็ไปเอาแคปซูลจากโรงพยาบาลบ้านแพ้วฯ  มาเพื่อทำการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยด้วยรถพยาบาล และระหว่างเคลื่อนย้ายก็ต้องแต่งตัวด้วยชุด PPE ใส่หน้ากาก N95 บนรถพยาบาลไม่ได้เปิดแอร์ เปิดหน้าต่างเพื่อให้อากาศไหลเวียนสูง

ขณะนั้นเป็นตอนเที่ยงสภาพอากาศร้อนจัด และการเคลื่อนย้ายระหว่างทางคนไข้มีออกซิเจนต่ำเป็นพัก ๆ จึงเป็นความเครียดของบุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่ตรงนั้น ซึ่งมีตนที่เป็นแพทย์ พนักงานขับรถ และพยาบาล ER รวม 3 คน ซึ่งจะจำกัดคนที่จะไปให้น้อยที่สุด เพราะมันมีความเสี่ยงที่อาจติดเชื้อได้สูง พอไปถึงที่โรงพยาบาลบ้านแพ้วฯ ด้วยผู้ป่วยมีน้ำหนักค่อนข้างเยอะ ประมาณ 100 กิโลกรัม และระหว่างทางถนนไม่ค่อยดี พอเอาเตียงลงจากรถพยาบาลเกิดขาล้อไม่กาง พนักงานขับรถไปถือน้ำหนักคนไข้ที่เยอะมาก ตนก็กลัวคนไข้จะตกก็ประคองเตียงลงไปกับพื้น ด้วยพนักงานขับรถที่ต้องออกแรงมาก เพราะเป็นผู้ชายคนเดียว ประกอบกับอากาศที่ร้อนมากพร้อมกับชุด PPE ทำให้หายใจไม่ทัน เหนื่อย และก็นั่งไปกับพื้น

ทีนี้ก็เหลือตนซึ่งเป็นแพทย์กับพยาบาลอีกคน ก็ใช้วิธีช่วยกันลากผู้ป่วยเข้าที่ร่มและเอาถังออกซิเจนถังเล็กต่อให้ แล้วก็เริ่มขอความช่วยเหลือจากทางโรงพยาบาลบ้านแพ้วฯ ว่าเตียงไม่กางและขอออกซิเจนมาเสริมไว้ก่อน ขณะเดียวกันตนซึ่งเป็นหัวหน้าทีมก็ไปดูพนักงานขับรถที่เป็นลมอยู่ที่พื้น จากนั้นพาน้องไปที่ร่มเพื่อให้หายใจได้ดีขึ้นและเอาแอมโมเนียไปให้ ซึ่งชีพจรของเขาสูง 140 กว่า ๆ เป็นตัวที่บ่งชี้ว่าเขาเป็นลมเพราะร้อนมากและเสียเหงื่อมาก  

พ.ญ.นิษฐา กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนอยากบอกกับประชาชนให้เห็นใจกับบุคลากรทางการแพทย์ในช่วงนี้ คือจริง ๆ ตนคิดว่าเป็นหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนที่จะดูแลคนไข้อยู่แล้ว แต่ขอแค่ความเห็นใจ ความเข้าใจเรา เพราะเราทำงานหนักกันมากแล้ว เราอยากดูแลทุกคน แต่ด้วยศักยภาพและบริบทของโรงพยาบาลแต่ละสถานที่ ด้วยอุปกรณ์ที่ยังมีจำกัด ทำให้เราไม่สามารถดูแลได้ 100 เปอร์เซ็นต์ให้กับทุกคน ก็ขอแค่ไม่ว่าเรา ไม่ด่าเรา ส่วนกำลังใจตนคิดว่าก็ได้รับมาอยู่แล้วจากประชาชนทุกคน และจากเพื่อนร่วมงานกันเอง อีกทั้งถ้าเป็นห่วงและรักพวกเราจริง ๆ ก็อยากจะขอให้ทุกคนอยู่บ้าน เพราะบ้านเป็นที่ ๆ ปลอดภัยที่สุดสำหรับทุกคน ถ้าจะออกนอกบ้านจริง ๆ ก็คือยอมรับความเสี่ยงที่จะมีโอกาสรับเชื้อเพิ่มได้แล้ว

สาครออนไลน์ โดย กิตติกร นาคทอง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *