โควิดสมุทรสาครวันนี้ 1,819 ราย ผู้ว่าฯ ย้ำแรงงาน จว.ตรวจสอบ โรงงานใดเมิน FAI เจอสั่งปิดแน่

สถานการณ์โควิด-19 สมุทรสาคร ยังคงพบผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มสูงขึ้น ล่าสุด 1,819 ราย เสียชีวิต 14 ราย ส่วนในที่ประชุม คกก.โรคติดต่อจังหวัดฯ ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร เน้นย้ำเรื่องการจัดตั้ง FAI โรงงานใดไม่ปฏิบัติตาม สั่งปิดทันที พร้อมฝากทาง สสจ.สมุทรสาคร เรื่องบูสเตอร์โดส ให้ครอบคลุมด่านหน้าสู้โควิด ทั้งบุคลากรทางการแพทย์ไปจนถึงสัปเหร่อ

วันนี้ (14 ส.ค.) สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ใน จ.สมุทรสาคร ยังคงพบผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มสูงขึ้นวันละกว่าพันรายอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร เมื่อเวลา 24.00 น. วันที่ 13 ส.ค. 64 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 1,819 ราย จำแนกเป็นพบผู้ติดเชื้อจากการค้นหาเชิงรุก 223 ราย (คนไทย 206 ราย, ต่างด้าว 17 ราย) พบจากตรวจหาเชื้อในโรงพยาบาล 1,596 ราย จำแนกเป็นคนในจังหวัด 1,211 ราย (คนไทย 1,048 ราย, ต่างด้าว 163 ราย) และคนนอกจังหวัด 385 ราย (คนไทย 313 ราย, ต่างด้าว 72 ราย) ด้านผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมดรวม 69,025 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 47,784 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 20,965 ราย และมีผู้เสียชีวิต 14 ราย สะสมอยู่ที่ 276 ราย

ในการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสมุทรสาคร วานนี้ (13 ส.ค.) ซึ่งมีนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธาน ได้หารือในประเด็นการรับผู้ติดเชื้อเข้าสู่โรงพยาบาลสนามในชุมชน “ศูนย์พักคอยคนสาคร” หรือ CI (Community Isolation) ซึ่งปัจจุบันพบว่าแม้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันของ จ.สมุทรสาคร จะมีเพิ่มมากขึ้น แต่จำนวนผู้ติดเชื้อที่รับเข้าสู่ศูนย์พักคอยฯ นั้นกลับลดลงนั้น ทางนายอำเภอทั้ง 3 อำเภอชี้แจงว่า มีหลายปัจจัยที่ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อในศูนย์พักคอยฯ ลดลง เช่น มีการหมุนเวียนผู้ที่กักตัวครบ 14 วันแล้ว รวมถึงผู้ติดเชื้อประสงค์จะกักตัวด้วยระบบ HI (Home Isolation) มากขึ้น ตลอดจนมีการจัดทำศูนย์พักคอยฯ เพิ่มเติม ทำให้ศูนย์พักคอยฯ ที่มีอยู่เดิมมีเตียงว่างเพิ่มมากขึ้น และการตรวจเอ็กซเรย์ปอดก่อนเข้าสู่ศูนย์พักคอยฯ ที่ยังมีความล่าช้า

ขณะที่ปัญหาสำคัญของศูนย์พักคอยฯ ที่ยังคงพบอยู่ คือ เรื่องของยาฟ้าทะลายโจร ที่บางแห่งมีจำนวนไม่เพียงพอ และการวิเคราะห์อาการเพื่อขอให้แพทย์สั่งจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ เป็นต้น ซึ่งทางผู้อำนวยการโรงพยาบาลได้ชี้แจงว่า ยังมีความจำเป็นต้องตรวจเอ็กซเรย์ปอดผู้ติดเชื้อก่อนรับเข้าศูนย์พักคอยฯ เนื่องจากมีผลต่อการสั่งจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ซึ่งมีอยู่อย่างจำกัด และเพื่อให้เข้าสู่กระบวนการรักษาที่ถูกจุด

ส่วนเรื่องของการทำโรงพยาบาลสนามสำหรับแยกกักผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในโรงงานหรือสถานประกอบการ หรือ FAI (Factory Accommodation Isolation) ทางผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ได้กำชับให้แรงงานจังหวัดสมุทรสาคร เร่งตรวจสอบการทำ FAI ที่ได้มาตรฐานของสถานประกอบการทุกแห่งตามข้อกำหนดของจังหวัดฯ หากสถานประกอบการใดที่เข้าข่ายต้องทำ FAI แล้วยังเมินเฉยไม่ปฏิบัติตาม ก็ให้ดำเนินการสั่งปิดทันที เนื่องจากมีคำสั่งจังหวัดฯ ออกมาบังคับใช้เกือบ 3 สัปดาห์แล้ว อีกทั้งเมื่อจัดตั้ง FAI แล้ว ห้ามผลักดันแรงงานให้ออกไปกักตัวในระบบ HI อย่างเด็ดขาด ซึ่งในปัจจุบันพบว่ามีสถานประกอบการโรงงานที่เข้าข่ายต้องจัดทำ FAI แจ้งความประสงค์ที่จะดำเนินการแล้ว 1,514 แห่ง จำนวน 43,530 เตียง แบ่งออกเป็น FAI ที่รับผู้ถูกกักตัวแล้ว 222 แห่งมีเตียงทั้งหมด 15,897 เตียง ใช้งานแล้ว 3,544 เตียง และ FAI ที่พร้อมรับผู้ถูกกัก 1,292 แห่ง จำนวนเตียง 27,633 เตียง

แฟ้มภาพ

นอกจากนี้ เรื่องของการบริหารจัดการวัคซีนเข็มที่ 3 หรือบูสเตอร์โดสนั้น ทางผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ได้ฝากนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร จัดสรรวัคซีนให้กับบุคลากรด่านหน้าที่ปฏิบัติงานเพื่อดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 อย่างแท้จริง ตั้งแต่บุคลากรทางแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ รพ.สต. เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์พักคอยฯ เจ้าหน้าที่ดูแลผู้ติดเชื้อในระบบ HI มูลนิธิองค์กรการกุศลต่าง ๆ ที่ต้องทำหน้าที่นำส่งผู้ติดเชื้อหรือเก็บศพผู้เสียชีวิต ไปจนถึงถึงสัปเหร่อของวัดที่ทำหน้าที่รับเผาศพผู้ติดเชื้อโควิด เป็นต้น

แฟ้มภาพ

อีกเรื่องหนึ่งคือ การจัดทำ “กล่องห่วงใย” สำหรับผู้ติดเชื้อที่กักตัวในระบบ HI หรือผู้ที่มีหน้าที่ในการจัดส่งกล่องห่วงใยนั้น จะต้องทำการตรวจรายชื่อก่อนส่งมอบ เพื่อพิจารณาตามความจำเป็นการส่งมอบกล่องห่วงใยเป็นรายครอบครัว หรือรายบุคคล และต้องเป็นไปด้วยความสุจริต โปร่งใส เสมอภาคเท่าเทียมกันด้วย

สาครออนไลน์ เรียบเรียงโดย กองบรรณาธิการ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *