ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ร่วมประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดฯ เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนย้ายไปอ่างทอง ขอบคุณที่ทำงานร่วมกันตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปี เผยเป็นห่วง 3 เรื่อง “สาครอควอเรียม แรงงานต่างชาติ โควิด-19” ฝากทางจังหวัดฯ สานต่อ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนเดินหน้าสู้ต่อไป
วันนี้ (17 ก.ย.) นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสมุทรสาคร ณ ห้องประชุมพันท้ายนรสิงห์ (401) ศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อพบปะพูดคุยเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะไปปฏิบัติหน้าที่ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง โดยมีนายสุรศักดิ์ ผลยังส่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นตัวแทนข้าราชการในจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวแสดงความรู้สึก พร้อมกับขอบคุณนายวีระศักดิ์ ที่ได้เดินหน้าแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิต ปัญหาแรงงานต่างด้าว การส่งเสริมการท่องเที่ยว และรายได้ให้แก่คนสมุทรสาคร ฯลฯ ที่สำคัญเป็นแม่ทัพต่อสู้กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่ระลอกแรกจนถึงปัจจุบัน ทำให้จังหวัดสมุทรสาคร ที่เคยมีผู้ติดเชื้อเกือบ 2,000 ราย ลดลงมาอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 300 กว่ารายเท่านั้น
นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้กล่าวอำลาและขอบคุณทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนชาวสมุทรสาคร ในการทำงานร่วมกันตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเกือบ 2 ปี ซึ่งตนเป็นห่วงอยู่ 3 เรื่อง คือ โครงการศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำสมุทรสาคร (สาครอควอเรียม) ที่โคกขาม เรื่องนี้ยืดเยื้อกันมาหลายปี ซึ่งในปีงบประมาณ 65 ได้รับงบประมาณเกือบ 20 ล้านบาท ที่ชะงักเพราะบอกเลิกสัญญากับผู้รับจ้างรายก่อนหน้านั้นไปและมีเรื่องของคดีความ นอกจากนี้อยากให้หาสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น ปลาการ์ตูน หรือเต่า เพื่อดึงดูดมากกว่าที่จะแข่งกับอควอเรียมที่อื่น,
เรื่องที่สอง เกี่ยวกับแรงงานต่างชาติซึ่งมีจำนวนเยอะ ที่จดทะเบียนถูกต้องเกือบ 3 แสนคน และที่นำเข้าอย่างไม่ถูกต้อง อยากจะให้การดำเนินงานเข้าที่เข้าทาง จะจัดโซนนิ่ง จะมีที่พักถูกสุขอนามัย หรือจะดำเนินการให้สอดคล้องกับความต้องการของโรงงาน ตนคิดว่าเรื่องนี้สามารถทำได้หมด แต่ว่าเป็นประเด็นละเอียดอ่อน ต้องคุยกับทางฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ และชุมชนให้ชัดเจนว่าแนวทางจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เพราะเป็นปัญหาระดับชาติ ถ้าปัญหาโควิด-19 ซาลงก็อยากให้สานต่อ
เรื่องสุดท้าย คือสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังอยู่กับเราอีกนาน ยิ่งเรามีปัญหาหลากหลายเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง ต้องดำเนินการในลักษณะอยู่กับโควิดให้ได้ เช่น กระทรวงสาธารณสุขจะร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ จะเปิดภาคเรียนให้เด็กที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ก่อน แต่ต้องดูว่าวัคซีนจะฉีดให้เด็กวัยไหนก่อน และวัคซีนมีคุณภาพแค่ไหนกำลังถกเถียงในวงวิชาการ ส่วนการบูสเตอร์เข็ม 3 ซึ่งทาง จ.สมุทรสาคร ฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มเป็นจังหวัดแรก ๆ ของประเทศ ก็อยากได้วัคซีนชนิดอื่นช่วยด้วยเหมือนกัน ดังนั้นทั้ง 3 เรื่องที่ตนค่อนข้างเป็นห่วง ก็ฝากทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดฯ ด้วย
นายวีระศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับตัวเองนั้นยังยืนยันว่า เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครเพราะพำนักอาศัยที่นี่ แต่ก็เหมือนเป็นคนสมุทรสาครด้วย เพราะฉะนั้นใจก็ให้ด้วย อะไรที่คนสมุทรสาครคิดและต้องการ ตนก็รู้สึกแบบเดียวกัน เพียงแต่ว่าเรื่องของตนมีการดำเนินงานที่เป็นข้อจำกัด เช่น เรื่องเงินหรือระเบียบ แต่ก็พยายามผ่านไปให้ได้ อย่าเอาข้อจำกัดมาเป็นข้ออ้างว่าไม่สามารถทำได้ ไม่อย่างนั้นจะทำอะไรไม่ได้เลย ทุกอย่างก็ปล่อยผ่านไปอย่างเดียว รอวันที่จะย้าย
และขอยืนยันอีกว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดไม่ใช่ผู้วิเศษ ทำงานคนเดียวไม่ได้ จำเป็นต้องอาศัยทุกฝ่ายร่วมกัน เป็นโซ่ข้อกลางระหว่างผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา วันนี้จึงต้องขอขอบคุณเพื่อนร่วมงานหรือผู้ใต้บังคับบัญชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ทำงาน ทำให้การดำเนินงานแก้ไขปัญหาสถานการณ์โรคโควิด-19 เดินไปได้ด้วยดี ดังนั้นเป็นกำลังใจให้กับทุกคน เราต้องสู้บนความขาดแคลน บนความไม่มี ก็ต้องสู้ ฝากกำลังใจไว้กับพวกเราด้วย และก็ขอบคุณในช่วงเวลาเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา ที่เป็นกำลังสำคัญในการเดินหน้าสมุทรสาครต่อไป
สาครออนไลน์ โดย กิตติกร นาคทอง