ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครคนใหม่ เข้ารับตำแหน่งวันแรก เดินสายสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง เปิดใจส่วนใหญ่รับราชการในพื้นที่เกษตร ไม่เคยสัมผัสพื้นที่ซึ่งมีความหลากหลายมาก่อน เชื่อมั่นทีมจังหวัดฯ แก้โควิดแข็งแรงทุกองคาพยพ เตรียมฟื้นฟูเศรษฐกิจปากท้องหลังสถานการณ์เบาบางลง ส่วนยอดผู้ป่วยรายใหม่วันนี้ 325 ราย เสียชีวิต 6 ราย
วันนี้ (20 ก.ย.) สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จ.สมุทรสาคร จากข้อมูลของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร เมื่อเวลา 24.00 น. วันที่ 19 ก.ย. 64 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 325 ราย จำแนกเป็นพบผู้ติดเชื้อจากการค้นหาเชิงรุก 34 ราย (คนไทย 31 ราย, ต่างด้าว 3 ราย) พบจากตรวจหาเชื้อในโรงพยาบาล 291 ราย จำแนกเป็นคนในจังหวัด 250 ราย (คนไทย 191 ราย, ต่างด้าว 59 ราย) และคนนอกจังหวัด 41 ราย (คนไทย 36 ราย, ต่างด้าว 5 ราย) ด้านผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมดรวม 103,775 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 93,878 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 9,108 ราย และมีผู้เสียชีวิต 6 ราย สะสมอยู่ที่ 789 ราย
ขณะเดียวกัน นายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครคนใหม่ พร้อมด้วย นางเตือนจิตร รักร้อย นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรสาคร ก็ได้เดินทางเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดสมุทรสาคร ได้แก่ ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร, พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 และองค์หลวงปู่แก้ว วัดสุทธิวาตวราราม (วัดช่องลม) เพื่อความเป็นสิริมงคลในการทำงานเป็นวันแรก โดยมีนายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ และนายสุรศักดิ์ ผลยังส่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมคณะผู้บริหารจังหวัดสมุทรสาคร ร่วมให้การต้อนรับ ก่อนที่จะเดินทางเข้าสู่ศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อสักการะพระพุทธนวราชบพิตร ภายในห้องปฏิบัติราชการ สักการะพระพุทธสิหิงค์ องค์จำลอง บริเวณชั้น 2 ของศาลากลางจังหวัดฯ สักการะพระพุทธมหาชัยสิทธิมงคล บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดฯ แล้วเดินทางเข้าสู่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครตามลำดับ
นายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า ตนต้องขอบคุณทางรัฐบาลที่กรุณามอบหมายภารกิจให้มาทำงานที่จังหวัดสมุทรสาคร โดยส่วนตัวแล้วยังไม่เคยแวะเข้ามาที่สมุทรสาคร ดังนั้นข้อมูลทุกด้านของจังหวัดฯ รับทราบผ่านทางสื่อต่าง ๆ เท่านั้น ไม่ได้มาสัมผัสจริง ส่วนตัวนั้นถือเป็นโอกาสอันดีที่ได้มาทำงานให้พี่น้องชาวสมุทรสาคร ก็มีความรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก จากเดิมที่ตนรับราชการในพื้นที่ภาคอีสานเป็นหลัก แล้วมาอยู่ในพื้นที่ภาคกลาง และภาคเหนือที่จังหวัดอุทัยธานี ส่วนใหญ่แล้วอยู่ในพื้นที่เกษตร คราวนี้มาอยู่ในพื้นที่สมุทรสาคร ซึ่งมีทั้งประมง อุตสาหกรรม และเกษตร ก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดสมกับที่รัฐบาลได้มอบหมายให้
นายณรงค์ เปิดใจอีกว่า หากถามว่าหนักใจหรือไม่กับภารกิจในการเป็นแม่ทัพแก้ไขปัญหาโควิด-19 ในพื้นที่ จ.สมุทรสาครนั้น ก็คงต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่หนักใจอยู่บ้างเป็นปกติ เนื่องจากตนเองไม่เคยสัมผัสพื้นที่แถบนี้มาก่อน และการทำงานทุกอย่างย่อมต้องมีปัญหาเกิดขึ้นได้เสมอ แต่ผมเชื่อมั่นว่าทีมทำงานแก้ไขปัญหาโควิดของจังหวัดสมุทรสาครมีความแข็งแรงทุกองคาพยพ มีความเข้มแข็งและพร้อมที่จะเดินหน้าสู้โควิดต่อไป ซึ่งความแข็งแกร่งของทุกภาคส่วนนี้ มีส่วนทำให้ความหนักใจเบาบางลงไปได้มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด ส่วนประเด็นเร่งด่วนก็มีทั้งเรื่องของแก้ไขปัญหาโควิด-19 เมื่อสถานการณ์เบาบางลงแล้ว ต่อไปคือการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน รวมถึงเรื่องของภูมิทัศน์ และสิ่งแวดล้อม ที่ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครคนเก่าเคยทำไว้เป็นหลัก ซึ่งเบื้องต้นจะต้องขอศึกษาข้อมูลโดยระเอียด เพื่อการต่อยอดการปฏิบัติงานตามแผนเดิมที่มีอยู่แล้ว
สาครออนไลน์ เรียบเรียงโดย กองบรรณาธิการ