“ผู้ว่าฯ ณรงค์” ติดตามโครงการ Factory Sandbox บ.พัทยาฟู้ดฯ ชี้ “เรื่องโควิดต้องจบด้วยวัคซีน”

ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ลงพื้นที่โรงงานพัทยาฟู้ดอินดัสทรี ท่าทราย ติดตามการฉีดวัคซีนโครงการ Factory Sandbox เผยเรื่องบริการจัดการสถานการณ์โควิด-19 ต้องจบด้วยวัคซีน ขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะจัดสรรมาให้ตามปฏิทินหรือไม่ ควบคู่ไปกับการตรวจเชิงรุก เพื่อแยกผู้ติดเชื้อออกจากชุมชน ขณะที่โครงการฯ มีสถานประกอบการเข้าร่วมแล้ว 27 แห่ง พนักงานกว่า 6.5 หมื่นคน

เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 64 นายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วย นายสุรศักดิ์ ผลยังส่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร นพ.นเรศฤทธิ์ ขัดธะสีมา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร รวมถึงหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมตรวจเยี่ยมการให้บริการฉีดวัคซีนแก่แรงงานในสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ Factory Sandbox ณ บริษัท พัทยาฟู้ดอินดัสทรี จำกัด ต.ท่าทราย อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร โดยมี นายวิชิต อะนะเทพ กรรมการผู้จัดการบริษัท พัทยาฟู้ดอินดัสตรี จำกัด พร้อมคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและให้ข้อมูลในการดำเนินการ

สำหรับบริษัท พัทยาฟู้ดอินดัสทรี จำกัด เป็นหนึ่งในสถานประกอบการขนาดใหญ่ของ จ.สมุทรสาคร ที่เข้าร่วมโครงการ Factory Sandbox ในครั้งที่ 2 มีจำนวนพนักงานทั้งแรงงานไทยและต่างด้าว 3,992 คน โดยมีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR แบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ก่อนจะแยกผู้ที่ติดเชื้อออกมาเข้าสู่กระบวนการรักษาในโรงพยาบาล FAI หรือ Hospitel ส่วนผู้ที่ไม่ติดเชื้อก็จะได้รับวัคซีนเข็มแรกชนิดแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งทางบริษัทฯ ได้จัดกิจกรรมชิงรางวัลเพื่อสร้างแรงจูงใจให้พนักงานที่ส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าวเข้ารับการฉีดวัคซีนด้วย จากนั้นทางโรงงานจะทำการตรวจหาเชื้อด้วยชุดตรวจ ATK ทุกสัปดาห์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการตรวจสอบว่ามีพนักงานติดเชื้อรายใหม่อีกหรือไม่ โดยจะดำเนินการจนถึงเดือน ม.ค. 65 หลังจากนั้นก็จะมีการประเมินเพื่อการแก้ไข ปรับปรุง หรือ ขยายผลต่อไป

ทั้งนี้ สำนักงานแรงงานจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยข้อมูลว่า ปัจจุบันมีสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ Factory Sandbox ร่วมกับทางจังหวัดสมุทรสาคร จำนวน 27 แห่ง มีลูกจ้างหรือพนักงานในสถานประกอบการเข้าร่วม จำนวน 65,206 คน จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 80,000 คน ขณะนี้ได้ทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ไปแล้ว 56,182 คน ในจำนวนนี้พบผู้ติดเชื้อประมาณ 9 เปอร์เซ็นต์ ส่วนการฉีดวัคซีนเข็มแรกให้แก่ลูกจ้างของสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ Factory Sandbox  ทั้งแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าวนั้น ได้ดำเนินการไปแล้ว 28,863 คน ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินการ และนอกจากนี้ยังมีสถานประกอบการอีก 3 แห่ง มีพนักงานเกือบ 4,000 คน ที่ได้ยื่นความประสงค์ขอเข้าร่วมโครงการ Factory Sandbox ซึ่งอยู่ระหว่างการนำเสนอต่อคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสมุทรสาครเพื่อพิจารณาต่อไป

นายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า สำหรับแผนการบริหารสถานการณ์โควิด-19 ใน จ.สมุทรสาครนั้น สิ่งที่ตนตั้งไว้ในใจ คือ “เรื่องโควิดต้องจบด้วยวัคซีน” ดังนั้นแผนการขึ้นอยู่กับความกรุณาของทางรัฐบาลที่จะจัดสรรวัคซีนมาให้จังหวัดฯ มากน้อยแค่ไหนและเป็นไปตามปฏิทินที่จะจัดสรรหรือไม่ ดังนั้นตนเชื่อว่าตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ คนก่อน ร่วมกับทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดฯ ได้วางแผนการฉีดวัคซีน ไว้แล้วนั้น ก็คงเป็นไปตามเป้าหมาย และสามารถควบคุมการระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้ และสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ การตรวจหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุก เพื่อที่จะแยกผู้ที่พบเชื้อกับผู้ที่ไม่พบเชื้อออกจากกันให้เร็วที่สุด ไม่ว่าจะด้วยวิธีการแบบ ATK หรือ RT-PCR ก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับในพื้นที่อยู่ ดังนั้นสิ่งเหล่านี้ต้องเดินไปด้วยกัน คือ การแยกผู้ป่วยออกจากชุมชนให้เร็วที่สุด กับการหาวัคซีนมาฉีดให้กับประชาชนใน จ.สมุทรสาคร


ณรงค์ รักร้อย

ส่วนโครงการ Factory Sandbox นี้ เป็นการทำงานที่ชัดเจน โดยเฉพาะการฉีดวัคซีนให้กับแรงงานในโครงการที่มีเป้าหมายอยู่ราว 80,000 ราย ดังนั้นทางจังหวัดจึงได้ร้องขอไปยังกระทรวงแรงงาน เพื่อขอเพิ่มปริมาณวัคซีน และต้องมีการเปิดรับสถานประกอบการแห่งอื่น ๆ เข้ามาร่วมโครงการให้มากขึ้น เพราะเป็นแนวทางที่ถูกต้องเห็นผลลัพธ์ที่เป็นจริง ตลอดจนยังสามารถนำมาตรการนี้ไปปรับใช้กับสถานประกอบการขนาดเล็กได้อีกด้วย

สาครออนไลน์ โดย กิตติกร นาคทอง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *