คลั่งยาบ้า 5 เม็ดจี้รถน้ำเค็ม ซิ่งข้ามจังหวัดเข้ากรุงฯ สิ้นฤทธิ์ใต้สะพานข้ามแยก

ระทึกกลางดึก! คนขับรถพ่วงขนน้ำเค็มจากยกกระบัตรจะไปนาโคก เจอชายคลั่งกลางถนนปีนรถบรรทุก พยายามใช้ตีนถีบกระจกแต่ไม่เป็นผล ก่อนเกาะหลังคามาถึงด่านตำรวจทางหลวง สบโอกาสเจ้าของรถขอความช่วยเหลือ ชิงรถซื่งข้ามจังหวัดบุกกรุงฯ สลัดลูกพ่วงขาด ก่อนจนมุมที่ใต้แยกตากสิน อ้างเสพยาบ้า 5 เม็ดพ่วงดื่มสุรา ตำรวจตั้งข้อหาชิงทรัพย์

เหตุระทึกคนร้ายเสพยาบ้า 5 เม็ดจี้ชิงรถบรรทุกพ่วงน้ำเค็ม เกิดขึ้นเมื่อเวลา 03.30 น. วันที่ 18 ม.ค. หน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงสมุทรสงคราม ถนนพระราม 2 กม.53 ต.นาโคก อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร รับแจ้งว่ามีคนร้ายใช้อาวุธปืนจี้ชิงรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ บรรทุกน้ำเค็ม หมายเลขทะเบียน 85-4646 นครปฐม จากถนนบางโทรัด-ยกกระบัตร (สาย 3423) ต.ยกกระบัตร อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ขับหลบหนีออกมายังถนนพระราม 2 มุ่งหน้ากรุงเทพมหานคร เมื่อรับแจ้งเหตุจึงแจ้งสกัดจับและไล่ล่าคนร้ายจากสถานีตำรวจทางหลวง ตั้งแต่หลักกิโลเมตรที่ 53 ข้ามจังหวัดสมุทรสาคร เข้าเขตกรุงเทพมหานคร เมื่อมาถึงสามแยกบางปะแก้ว คนร้ายเลี้ยวขวาไปทางถนนสุขสวัสดิ์ มุ่งหน้าพระประแดง แต่ปรากฎว่าส่วนพ่วงท้ายเกิดขาด ออกจากกันบริเวณสะพานข้ามคลองบางปะแก้ว

จากนั้นคนร้ายได้กลับรถย้อนศรขึ้นสะพานข้ามแยกบางปะแก้ว โดยไม่สนใจรถที่จะลงสะพานเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ จากนั้นคนร้ายได้ขับไปตามถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน ผ่านแยกดาวคะนอง แยกมไหสวรรย์ ก่อนจะพุ่งชนรั้วใต้สกายวอล์คแยกตากสิน ด้านถนนราชพฤกษ์ แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กรุงเทพฯ กระทั่งตำรวจชาร์จตัวคนร้ายซึ่งมีอาการคลุ้มคลั่งลงมาจากรถบรรทุก สภาพไม่สวมเสื้อ สวมกางเกงขาสั้นสีน้ำตาล ให้การวกไปวนมา อ้างว่าเสพยาบ้ามา 5 เม็ด พร้อมกับดื่มสุราไปด้วย และอ้างว่าได้ยินคนเสียชีวิต และทิ้งปืนลงในแม่น้ำท่าจีนไปแล้ว จึงควบคุมตัวไปยัง สภ.บ้านแพ้ว อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร เจ้าของพื้นที่ดำเนินคดีต่อไป ทั้งนี้ คนร้ายขับหลบหนีตำรวจเป็นระยะทางกว่า 60 กิโลเมตร มีรถเก๋งเสียหาย 1 คัน และรถพ่วง 18 ล้อ เสียหายอีก 1 คัน

ด.ต.ญาณกฤช อิศรเมธางกูร ผู้บังคับหมู่งานสายตรวจ หน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงสมุทรสงคราม เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. วันที่ 18 ม.ค. ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ภายในหน่วยบริการฯ พร้อมกับนายตำรวจคนอื่นๆ ปรากฎว่า นายสุชาติ สงวนสัตย์ คนขับรถพ่วงบรรทุกน้ำเค็ม วิ่งเข้ามาในหน่วยบริการฯ ขอความช่วยเหลือว่ามีคนร้ายเข้ามาจี้ จังหวะนั้นคนร้ายได้ปีนเข้าไปในที่นั่งคนขับแล้วขับออกไปทางจังหวัดสมุทรสงคราม ก่อนกลับรถเข้ามาทางกรุงเทพฯ ตนจึงขับรถตามมากับผู้เสียหาย และวิทยุขอความช่วยเหลือตำรวจในพื้นที่สกัดจับแต่ไม่เป็นผล โดยพบว่าคนร้ายพยายามขับรถส่ายไปส่ายมาเพื่อสลัดลูกพ่วงให้หลุดออก เพื่อสะดวกในการหลบหนี เฉี่ยวกับรถยนต์ที่สัญจรบนถนนพระราม 2 ก่อนจนมุมที่แยกตากสิน

ระหว่างที่นายสุชาติขอความช่วยเหลือนั้น ได้ให้การกับตำรวจว่า ขณะกำลังขับรถมาจากวัดยกกระบัตร เพื่อมุ่งหน้าไปรับน้ำเค็มจากตำบลนาโคก เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้เจอผู้ต้องหายืนขวางถนนอยู่ พยายามขับรถเบี่ยงซ้ายเบี่ยงขวาเพื่อจะหลบหนี แต่ไม่พ้นเพราะคนร้ายได้กระโดดเกาะบันไดด้านซ้ายขึ้นมา แล้วนั่งอยู่บนหลังรถเรื่อยมา พร้อมทั้งพยายามที่จะเข้ามาในรถด้วย ส่วนเรื่องอาวุธปืน จากคำยืนยันของผู้เสียหาย ยืนยันว่าคนร้ายมีอาวุธปืนจริง และจากคำให้การของคนร้าย ก็ยืนยันว่ามีอาวุธปืนจริง แต่ยังพูดไม่รู้เรื่องว่านำอาวุธปืนไปทิ้งที่ไหน โชคดีที่คนร้ายไม่ได้ใช้อาวุธปืนก่อเหตุยิงผู้ใดให้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต นอกจากยิงขึ้นฟ้าเพื่อข่มขู่ 1 นัด ตามคำบอกเล่าของผู้เสียหาย และใช้บังคับข่มขู่เท่านั้น

ต่อมานายสุชาติ สงวนสัตย์ อายุ 55 ปี คนขับรถพ่วงบรรทุกน้ำเค็ม เดินทางมาให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน สภ.บ้านแพ้ว ก่อนพาตำรวจไปชี้จุดที่พบคนร้าย เปิดเผยว่า ตนขับรถบรรทุกพ่วงเพื่อจะไปรับน้ำเค็มในพื้นที่ตำบลนาโคก เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุเจอคนร้ายยืนอยู่กลางถนน ระหว่างนั้นรถห้องเย็นที่ขับอยู่ข้างหน้าได้พยายามขับเบี่ยงซ้ายเบี่ยงขวา หลบชายคนดังกล่าวได้ทัน แต่ชายคนดังกล่าวกลับอาศัยจังหวะที่ตนชะลอความเร็ว กระโดดเกาะบันไดแล้วปีนขึ้นมาได้ จากนั้นพยายามใช้เท้าถีบกระจกเพื่อเข้ามาในรถแต่ไม่สำเร็จ จึงนั่งอยู่หลังคารถบรรทุก แม้จะพยายามขับแบบหวาดเสียว ชนต้นไม้เล็กข้างทางเพื่อให้คนร้ายตกใจ แต่กลับพบว่าคนร้ายยืนอยู่ที่เดิม กระทั่งนึกขอความช่วยเหลือจากด่านตำรวจทางหลวง จึงขับรถออกถนนพระราม 2 มายังหน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงสมุทรสงคราม ยืนยันว่าคนร้ายมีอาวุธปืนจริง มีลักษณะเป็นกระบอกสั้น คาดว่าอาจจะเป็นอาวุธปืนไทยประดิษฐ์

ขณะที่พนักงานสอบสวน สภ.บ้านแพ้ว ได้รับมอบตัวผู้ต้องหาจากหน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงสมุทรสงคราม มาฝากขังที่ สภ.บ้านแพ้ว เพื่อรอดำเนินคดี โดยแจ้งข้อหาฐานชิงทรัพย์ ปรากฎว่าขณะนี้ยังไม่สามารถสอบปากผู้ต้องหารายนี้ได้ เนื่องจากผู้ต้องหายังอยู่ในอาการมึนเมา พูดจาวกไปวนมา กลับคำให้การไปมา โดยเบื้องต้นอ้างว่าดื่มสุราและเสพยาบ้าไป 5 เม็ด ที่เหลือยังให้การไม่รู้เรื่อง คงต้องรอให้อาการจากฤทธิ์ยาเสพติดและสุราทุเลาเบาบางลง จึงจะสามารถนำตัวมาสอบปากคำเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สาครออนไลน์ เรียบเรียงโดย กองบรรณาธิการ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *