ตำรวจนครบาล 9 ร่วมกับ สน.ท่าข้าม จับกุมตัวสิบเอกแสบพร้อมเพื่อน ร่วมกันหลอกเช่ารถยนต์หรูไปจำนำเต็นท์รถ พบเป็นคนเดียวกับที่แหกค่ายกำแพงเพชรอัครโยธิน จ.สมุทรสาคร หลบหนีโทษขัง อีกทั้งตุ๋นบรรดานายทหาร ชวนร่วมลงทุนซื้อหุ้นบริษัทดัง เสียหายกว่า 100 ล้านบาท
จากกรณีนายทหารชั้นประทวนยศสิบเอกนายหนึ่ง กระทำความผิดฐานฉ้อโกงเงินสวัสดิการ ถูกพิจารณาโทษทางวินัยลงทัณฑ์ขัง 30 วัน พร้อมให้ดำเนินการปลดออกจากราชการ ซึ่งในระหว่างการรับโทษและรอคำสั่งปลด กำลังพลดังกล่าวได้หนีออกจากกองรักษาการณ์ของค่ายกำแพงเพชรอัครโยธิน ต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร โดยมีบิดาให้การช่วยเหลือขับรถยนต์มารับตัวสิบเอกรายดังกล่าว แล้วได้ฝ่ารั้วกั้นของกองรักษาการณ์หลบหนีไป เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ 15 เม.ย. 65 จนกระทั่งมีคลิปเหตุการณ์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ผ่านโซเชียล ซึ่ง พ.อ.(หญิง) ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ได้มีคำสั่งปลดสิบเอกคนดังกล่าวออกจากทางราชการไปแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 65 รายงานข่าวแจ้งว่า ชุดสืบสวนตำรวจนครบาล 9 และ สน.ท่าข้าม จับกุม ส.อ.เจษฎา ศรีมหาสันติ หรือโบ๊ท อายุ 26 ปี และนายสิริบูรณ์ ปัดชา หรือวี อายุ 24 ปี สองผู้ต้องหาในคดีร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้กลอุบาย หลังผู้เสียหายรายหนึ่งเข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.ท่าข้าม ให้ดำเนินคดี สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 5 พ.ค. มีผู้เสียหายรายหนึ่งเข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.ท่าข้าม ว่า ตนเป็นผู้โพสต์ปล่อยเช่ารถหรูทางออนไลน์ ถูกนายสิริบูรณ์หลอกเช่ารถหรูยี่ห้อปอร์เช่ บ็อกซเตอร์ 718 สีเทา หมายเลขทะเบียน ฆพ 646 กรุงเทพมหานคร โดยตกลงเช่ารายวัน วันละ 29,000 บาท เป็นเวลา 3 วัน รวมค่าเช่า 87,000 บาท โดยนัดส่งมอบรถเมื่อวันที่ 2 พ.ค. ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พระราม 2 ถนนพระราม 2 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ
ปรากฎว่าวันที่ 5 พ.ค. ผู้เสียหายพบว่าสัญญาณจีพีเอสที่ติดอยู่กับตัวรถหายไป จึงได้แจ้งความดำเนินคดี จากการสืบสวนของตำรวจพบว่า ส.อ.เจษฎา นำรถคันดังกล่าวไปจำนำที่เต็นท์รถแห่งหนึ่งในราคา 1.8 ล้านบาท ต่อมานายสิริบูรณ์ได้ติดต่อขอเช่ารถบีเอ็มดับเบิลยู แซดโฟร์ กับบริษัทในเครือ ผู้เสียหายจึงวางแผนร่วมกับตำรวจนัดส่งมอบรถที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว แขวงและเขตจตุจักร กรุงเทพฯ เมื่อนายสิริบูรณ์มาถึงจึงแสดงตัวเข้าจับกุม จากนั้นตำรวจให้นายสิริบูรณ์โทรศัพท์ไปหา ส.อ.เจษฎา ที่ร้านเอ็มเค โกลด์ เอกมัย ซอยสุขุมวิท 63 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ ก่อนจับกุม ส.อ.เจษฎาในที่สุด
จากการสอบปากคำ ส.อ.เจษฎา รับสารภาพว่า ว่าจ้างนายสิริบูรณ์ซึ่งเป็นเพื่อนกัน ให้ติดต่อเช่ารถจากผู้เสียหาย โดยได้ค่าตอบแทน 5,000 บาท โดยนายสิริบูรณ์ได้ปลอมแปลงใบขับขี่เป็นชื่อบุคคลอื่นเพื่อเช่ารถ จากนั้นได้ส่งมอบรถให้กับ ส.อ.เจษฎา แล้วรับเงินค่าจ้างดังกล่าว ก่อนที่ ส.อ.เจษฎาจะนำรถหรูคันดังกล่าวไปจำนำที่เต็นท์รถ แล้วนำเงินที่ได้ไปใช้จ่ายส่วนตัว ต่อมาพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้ามนำตัวทั้งคู่ไปฝากขังที่ศาลอาญาธนบุรี โดยคัดค้านการประกันตัว ขณะที่ผู้ต้องหาได้ยื่นประกันตัวในชั้นศาล ศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวตีวงเงินประกัน 80,000 บาท จากนั้นผู้ต้องหาทั้งสองได้กลับมายัง สน.ท่าข้าม ปรากฎว่าได้รับการประสานจาก สภ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ให้อายัดตัวดำเนินคดีในข้อหาทำลายทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย ตามที่มีคลิปในสื่อโซเชียลฯ กระทั่งช่วงค่ำที่ผ่านมาจึงได้ให้นำตัว ส.อ.เจษฎา ไปยัง สภ.กระทุ่มแบนดำเนินคดีต่อไป
ในวันเดียวกัน ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน แขวงและเขตจตุจักร กรุงเทพฯ กลุ่มนายทหารชั้นประทวนจากหลายสังกัด เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สรรเสริญ ศิริประเสิรฐกุล รอง ผกก.กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เพื่อแจ้งความเอาผิดกับ ส.อ.เจษฎา สังกัดค่ายกำแพงเพชรอัครโยธิน อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร หลังถูกหลอกให้ร่วมลงทุนหลักทรัพย์ของบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU โดยอ้างว่าได้รับผลตอบแทนสูง และช่วงหลังเห็น ส.อ.เจษฎา มีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นผิดหูผิดตา ขับรถเมอร์ซิเดส เบนซ์ ใช้ชีวิตหรูหรา จึงได้นำเงินมาร่วมลงทุน ส่วนหนึ่งเป็นเงินที่กู้ยืมมา แต่กลับไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่กล่าวอ้าง ซ้ำยังขาดการติดต่อ และเมื่อสอบถามไปยังบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ปฯ กลับพบว่า ส.อ.เจษฎา ไม่ได้ลงทุนถือหุ้นกับบริษัทฯ ตามที่กล่าวอ้าง เอกสารที่ทำมาเป็นของปลอมเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ โดยพบว่ามีกลุ่มทหารชั้นประทวนที่เป็นผู้เสียหายอีกกว่า 100 ราย ซึ่งอยู่ต่างท้องที่ มูลค่าความเสียหายมากกว่า 100 ล้านบาท จึงได้แจ้งความเพื่อติดตามตัว ส.อ.เจษฎามาดำเนินคดีต่อไป
สาครออนไลน์ เรียบเรียงโดย กองบรรณาธิการ