สมาคมนักผังเมืองไทย ร่วมกับ อบจ.สมุทรสาคร จัดการประชุมร่างยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการสมุทรสาครน่าอยู่…มุ่งสู่เมืองคาร์บอนต่ำ ร่วมกับ 12 อปท. นำร่อง ภาครัฐและเอกชน เป้าหมายลดการปล่อยก็าซเรือนกระจกตามเป้าหมายร้อยละ 1 ภายใน 3 ปีข้างหน้า (2566-69)
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 28 ก.พ. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมสาครบุรี ชั้น 4 องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร ต.มหาชัย อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร นายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ประธานเปิดการประชุม เรื่อง ร่างยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการสมุทรสาครน่าอยู่…มุ่งสู่เมืองคาร์บอนต่ำ ภายใต้โครงการแผนปฏิบัติการเมืองสมุทรสาครน่าอยู่…มุ่งสู่เมืองคาร์บอนต่ำ จัดโดยสมาคมนักผังเมืองไทย ร่วมกับ อบจ.สมุทรสาคร โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) หน่วยงานภาครัฐ เครือข่ายภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ผู้แทนสมาคมนักผังเมืองไทย เข้าร่วมประมาณ 50 คน
นายจอม หงส์เวียงจันทร์ รองนายก อบจ.สมุทรสาคร เปิดเผยว่า อบจ.สมุทรสาคร มีนโยบายและแผนการดำเนินงานด้านคาร์บอนต่ำ จึงได้ตัดสินใจร่วมศึกษาวิจัยโครงการดังกล่าวตั้งแต่ร่วมริเริ่มนำเสนอและวางแผนงานวิจัยกับสมาคมนักผังเมืองไทยตั้งแต่ต้นปี 65 ซึ่งได้ดำเนินงานมาเป็นอย่างดี และสามารถจัดกิจกรรมประชุมเรื่อง ร่างยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการสมุทรสาครน่าอยู่…มุ่งสู่เมืองคาร์บอนต่ำ ในครั้งนี้ โดยเชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมพิจารณาและให้ข้อเสนอแนะต่อร่างยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการดังกล่าว ซึ่งเกิดขึ้นด้วยความร่วมมือของ 12 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนำร่อง ภาคเอกชน และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องภายในระยะเวลา 10 เดือนที่ผ่านมา
สำหรับแผนงานที่สำคัญของ อบจ.สมุทรสาคร ในการลดพลังงานไฟฟ้าและคาร์บอน รวมทั้งพัฒนาพลังงานทางเลือก ได้แก่ การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ หรือโซลาร์ในอาคารสำนักงาน อบจ.สมุทรสาคร, อาคารอุทยานการเรียนรู้สมุทรสาคร (SK Park) และในอนาคตที่โรงเรียนในสังกัดของ อบจ. สมุทรสาคร ซึ่งพร้อมที่จะเป็นแหล่งเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับทุกคนในอนาคตอันใกล้นี้ และจะช่วยส่งเสริมให้สมุทรสาครเป็นเมืองน่าอยู่มุ่งสู่เมืองคาร์บอนต่ำโดยเร็ว
ขณะที่ นายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า งานวิจัยเรื่องนี้ได้เชื่อมโยงเป้าหมายของประเทศไทยที่วางไว้ว่าภายในปี ค.ศ.2050 หรืออีก 27 ปีข้างหน้า ประเทศจะเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ภายในปี ค.ศ.2065 หรืออีก 37 ปีข้างหน้า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางไปร่วมการประชุมเวทีผู้นำของโลกว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (UNFCCC COP26) เมื่อ 1 พ.ย. 64 ณ เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร
ซึ่งหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนต่างก็จัดทำแผนปฏิบัติการรองรับเป้าหมายดังกล่าว รวมถึงการจัดการระดับพื้นที่หรือที่เรียกว่า “เมืองคาร์บอนต่ำ” (Low-Carbon City) เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความเปราะบาง และมีความเสี่ยงสูงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในลำดับที่ 9 จาก 180 ประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะ จ.สมุทรสาคร ที่เผชิญกับภัยน้ำทะเลหนุนสูงและมลพิษทางอากาศ รวมทั้งฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 และ PM10 อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นยุทธศาสตร์และแนวทางการพัฒนาสมุทรสาครน่าอยู่แบบคาร์บอนต่ำนี้จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดฯ ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเป็นเมืองน่าอยู่คู่อุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industry Town) ซึ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการอยู่ร่วมกันกับชุมชน และการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน รวมทั้งการจัดการของเสียอย่างยั่งยืนและการใช้พลังงานทางเลือก
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับการประชุมดังกล่าว มีการนำเสนอร่างยุทธศาสตร์สมุทรสาครเมืองน่าอยู่…มุ่งสู่เมืองคาร์บอนต่ำ โดยมีเป้าหมายลดการปล่อยก็าซเรือนกระจกตามเป้าหมายร้อยละ 1 ภายใน 3 ปีข้างหน้า (2566-69) โดยนายอำนาจ พลเดชา อุปนายกสมาคมนักผังเมืองและผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนโครงการฯ รวมถึงเสวนาเรื่อง ความเป็นไปได้ในการกำหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับท้องถิ่น จากนายกเทศมนตรีตำบลนาดี ปลัดเทศบาลตำบลท่าจีน และผู้แทน อบต.หลักสาม
และแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่อง การบริหารจัดการขยะเพื่อมุ่งสู่เมืองคาร์บอนต่ำ โดยผู้แทนเทศบาลเมืองยโสธร ซึ่งวางแผนการจัดการขยะได้อย่างเหมาะสม ทำให้ปริมาณขยะฝังกลบจึงลดลง ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสร้างรายได้จากการแลกเปลี่ยน/ขายคาร์บอนเครดิต โดยได้รับรางวัลที่ 2 เทศบาลขนาดใหญ่ประเภททั่วไป อปท. ที่มีการบริหารจัดการที่ดี ประจำปี 64 ของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และที่ปรึกษานายก อบจ.ระยอง จากประสบการณ์ในการพัฒนาศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยรวมแบบครบวงจร เป็นต้น
สาครออนไลน์ โดย กิตติกร นาคทอง