“มาร์ค” นำลูกพรรค ปชป. ปราศรัยใหญ่สมุทรสาคร จวกรัฐออกกฎเข้มทำชาวประมงเดือดร้อน

“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นำ 3 ผู้สมัคร ส.ส. สมุทรสาคร พร้อม ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ และสมาชิกพรรคฯ ปราศรัยใหญ่สมุทรสาคร 2 เวที ทั้ง “มหาชัย-กระทุ่มแบน” ชูนโยบายหลัก “แก้จน สร้างคน สร้างชาติ” และ “8 วาระสมุทรสาคร” มั่นใจหากได้เป็นรัฐบาลจะแก้ไขปัญหาประมงได้

เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ที่ลานหน้าท่าเรือเทศบาล ต.มหาชัย อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้จัดเวทีปราศรัยใหญ่ นำโดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฯ โดยมีนายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคและประธานกรรมการนโยบายพรรคฯ นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคฯ เขตภาคกลาง นายแทนคุณ จิตต์อิสระ อดีต ส.ส. เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ และ ไอเดียร์ – น.ส.สุชาดา แทนทรัพย์ ผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ หนึ่งในกลุ่ม New Dem คนรุ่นใหม่ประชาธิปัตย์

ร่วมด้วย นายเอนก ทับสุวรรณ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีต ส.ส. สมุทรสาคร 7 สมัย พร้อมผู้สมัคร ส.ส. ประชาธิปัตย์ ทั้งสามเขตเลือกตั้ง ได้แก่ เขต 1 นายกุลวัชร หงษ์คู, เขต 2 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร และเขต 3 นายนิติรัฐ สุนทรวร ผลัดกันขึ้นเวทีปราศรัยให้กับพี่น้องประชาชนที่มารอกันตั้งแต่ช่วง 15.30 น. โดยได้ชูนโยบาย “แก้จน สร้างคน สร้างชาติ” และแนวทางในการพัฒนาสมุทรสาครด้วยแนวคิด “8 วาระสมุทรสาคร”

โดยนายอภิสิทธิ์ ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวที ว่า การเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค. เป็นการเลือกตั้งที่พี่น้องประชาชนรอคอยมายาวนานเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้มีโอกาสเลือกตั้งในการเลือกตั้งที่สมบูรณ์มาแล้วตั้งแต่ปี 2554 คือ 8 ปีมาแล้ว ที่ผ่านมาก็มีความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหลายอย่าง แต่ไม่สำคัญเท่ากับความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ทั้งที่นี่และที่อื่น ๆ ในประเทศไทย

เรื่องเศรษฐกิจปากท้องความเป็นอยู่ ที่นี่ไม่ต่างจากที่อื่น ตนลงพื้นที่ภาคใต้เจอปัญหาราคายางพารา ราคาปาล์ม ไปภาคกลาง ภาคอีสาน ก็เจอปัญหาเรื่องของข้าว ไปภาคเหนือก็ไปเจอปัญหาของผู้ที่ปลูกข้าวโพด อีกหลายพื้นที่เจอปัญหาเรื่องอ้อย สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้เศรษฐกิจมันเดินไม่ได้ เพราะถ้าคนส่วนใหญ่ของประเทศไม่มีเงิน ไม่มีรายได้ ก็จะไม่มีการจับจ่ายใช้สอย ตนเดินหาเสียงเที่ยวนี้บางจังหวัดเดินเข้าตลาดแล้วใจหายจริง ๆ มีแต่คนขายไม่มีคนซื้อ นี่คือสภาพที่เกิดขึ้น

พรรคประชาธิปัตย์จึงได้เน้นย้ำว่า สิ่งแรกที่เราจะต้องเข้าไปทำคือ นโยบายแก้จน มีจดหมายเขียนถึงตนว่าอยากให้เรามีความชัดเจนในเรื่องของประมง ซึ่งพื้นที่ตรงนี้พึ่งพารายได้จากประมงพอสมควรไม่ต่างจากการเกษตรในภูมิภาคอื่น ตนจึงอยากจะย้ำว่า การแก้จนของพรรคฯ เรามีคำอธิบายหมดแล้วว่าเกษตรกรแต่ละกลุ่มจะได้รับการดูแลช่วยเหลือแก้ไขอย่างไร ข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพด ยางพารา ปาล์ม เราจะเอาระบบประกันรายได้เข้ามา

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อไปว่า เรื่องประมง ตนบอกกับพี่น้องเลยว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ตนอยู่ในการเมืองมา 27 ปี นาน ๆ จะมีปัญหา เวลาน้ำมันแพงมากพรรคประชาธิปัตย์ก็เคยทำเรื่องน้ำมันราคาถูกสำหรับประมง ต่อมามีปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม ที่อาจจะเข้ามาทำให้เกิดปัญหาว่าจะทำประมงแบบไหน อย่างไร ก็แก้ไขกันไป แต่ไม่เคยมียุคไหนที่ความเดือดร้อนของชาวประมงรุนแรงได้เท่ากับปัจจุบัน เพราะดูจากตัวเลขมูลค่าของธุรกิจประมงทั้งหมดของประเทศ หายไปเกือบครึ่งหนึ่ง

วันนี้นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ ถึงเวลาที่ต้องฟื้นคืนลมหายใจให้ชาวประมง ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นจากสหภาพยุโรป ที่เข้ามาติดตามแล้วอ้างว่าการประมงของไทยนั้นมีปัญหา ขู่ว่าถ้าไม่แก้ไขก็จะไม่ซื้อผลิตภัณฑ์ประมงจากประเทศไทย ซึ่งเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตอนที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรีก็ขู่แบบนี้ แต่ก็ให้ทั้งรัฐมนตรีและผู้แทนการค้าเจราจากับเขาว่าปัญหาอยู่ตรงไหน เป็นห่วงเรื่องอะไร เช่น สิ่งแวดล้อม การค้ามนุษย์ แรงงาน ถ้าคิดว่าไม่พยายามแก้ไขก็ส่งคนมาทำงานกับตนเสีย เพราะตนยืนยันว่าประเทศไทยไม่ได้ต้องการทำเรื่องแบบนี้

ในยุคของตนก็ยังไม่มีปัญหารุนแรงอะไร แต่ต่อมาพอสหภาพยุโรปกดดันมากขึ้น รัฐบาลปัจจุบันกลัวว่ามูลค่าการส่งออกจะกระทบ จึงได้ออกกฎหมายเยอะแยะไปหมด ซึ่งทำให้พี่น้องชาวประมงเดือดร้อนมาก หลังจากแก้ไขกฎหมายกดดันแล้ว ในที่สุดมูลค่าการประมงหายไปเกือบครึ่งหนึ่ง รัฐบาลก็ดีใจว่าสหภาพยุโรปถอนใบเหลืองแล้ว ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นประมง เป็นตัวอย่างที่ดีว่าเวลามีรัฐบาลที่ประชาชนไม่เป็นใหญ่ เสียงของพี่น้องประชาชนไปไม่ถึงคนมีอำนาจ

5 ปีที่ผ่านมาตนไม่มีตำแหน่ง ได้พูดคุยกับตัวแทนชาวประมงทุกกลุ่ม แล้วรู้ว่ากฎหมายปฏิบัติไม่ได้ มีข้อกำหนดเยอะแยะไปหมด ร้ายที่สุดคือข้อกำหนดละเอียดยิบ ถ้าทำผิดนิดเดียวกลายเป็นความผิดร้ายแรงและปรับสูงมาก ถ้ายังไม่อยากจ่ายก็ไปสู้ในศาลได้ แต่ถูกยึดเรือไว้ก่อน เรือจึงออกไม่ได้ และมีการจัดระเบียบจนในที่สุดมีเรือจอดอยู่เยอะแยะไปหมด ถ้าเรามีรัฐบาลที่ฟังประชาชน ใส่ใจสักนิด ปัญหาจะไม่รุนแรงขนาดนี้ เพราะฉะนั้นพรรคประชาธิปัตย์ทุกเรื่องใส่ใจในรายละเอียด มั่นใจว่าการแก้ไขปัญหาประมงทำได้แน่ถ้าได้เป็นรัฐบาล กฎหมายไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงต้องมีการแก้ไข

นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ได้กล่าวถึงบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ทางพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าจะไม่ยกเลิก และให้เสรีภาพในการใช้เงิน 800 บาทต่อเดือน นโยบายสร้างคน ที่มีเรื่องของนโยบายอาหารเช้าและกลางวันฟรีแก่เด็กนักเรียนจนถึง ม.3 นโยบายเรียนฟรีถึงระดับ ปวส. เพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุเป็นเดือนละ 1,000 บาท เพิ่มค่าตอบแทน อสม. พร้อมกองทุนบำเหน็จ และนโยบายเกิดปั๊บรับสิทธิ์เงินแสน

รวมไปถึง นโยบายสร้างชาติ ที่จะส่งเสริมความเข้มแข็งของประเทศและเศรษฐกิจ ซึ่งมีหลายอย่างสอดคล้องกับ 8 วาระสมุทรสาคร ไม่ว่าจะเป็นตลาดกลางช่วยเกษตรกร อุตสาหกรรมเป็นมิตรกับชุมชนและสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมการท่องเที่ยวไม่ไกลจากกรุงเทพฯ การคมนาคมขนส่ง รถไฟฟ้าสายสีแดง – สายสีน้ำเงิน การทำเป็นเมืองพิเศษ เพื่อที่จะให้สมุทรสาครสามารถจัดการตนเองได้ เป็นต้น

ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์กล่าวทิ้งท้ายว่า นโยบายที่พร้อมและดีจะเกิดขึ้นได้ ต้องให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ไม่เพียงแต่เพราะว่าเป็นคนคิดเรื่องเหล่านี้ขึ้นมา ต่อให้บางพรรคมาลอกเลียนนโยบายไป แต่ถ้าเขาไม่เข้าใจ และที่สำคัญถ้าไม่สุจริต สุดท้ายทุกสิ่งทุกอย่างก็จะกลับมาเหมือนเดิม ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์จึงไม่ได้พูดแค่ แก้จน สร้างคน สร้างชาติ หรือ ประชาชนเป็นใหญ่ แต่ประชาธิปไตยต้องสุจริตด้วย และแบบอย่างของนักการเมืองสุจริตในพรรคประชาธิปัตย์มีเยอะ และยังยึดมั่นในอุดมการณ์นั้น

จากนั้นนายอภิสิทธิ์ และคณะ ได้ทยอยเดินทางไปปราศรัยอีกเวทีหนึ่ง ซึ่งจัดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน บริเวณโรงหนังเก่าตลาดกระทุ่มแบน อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร โดยสมทบกับผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อของพรรคฯ ที่ขึ้นเวทีตลาดกระทุ่มแบน ประกอบด้วย น.ต.สุธรรม ระหงษ์ ผู้อำนวยการพรรคฯ และอดีต ส.ส. ในพื้นที่, นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต และนายวัชระ เพชรทอง

สาครออนไลน์ โดย กิตติกร นาคทอง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *