วันแรกของมาตรการบังคับสวมหน้ากากอนามัยออกจากบ้าน พบประชาชนส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือ ขณะที่ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ชี้ตำรวจจับผู้ฝ่าฝืนส่งเรื่องให้ศาลพิจารณาโทษปรับ ไม่เกิน 20,000 บาท
เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ซึ่งเป็นวันแรกของการบังคับใช้มาตรการสวมใส่หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าก่อนออกจากบ้าน ตามคำสั่งจังหวัดสมุทรสาคร ที่ 931/2563 เรื่อง มาตรการลดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) พบว่าบรรยากาศโดยรวมของพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ประชาชนส่วนใหญ่ให้ความใส่ใจในมาตรการดังกล่าว มีการสวมใส่หน้ากากอนามัยกันทุกคน เพราะเกรงว่าถ้าหากไม่ปฏิบัติตามจะถูกจับปรับ ซึ่งมีระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาครนั้น นอกจากจะมีการตั้งด่านกวดขันวินัยจราจรผู้ที่กระทำผิดฝ่าฝืนกฎจราจรแล้ว ก็ยังมีการบูรณาการเรื่องของมาตรการสวมหน้ากากอนามัยเข้ามาด้วย โดยหากพบว่าบุคคลใดที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยนั้น ก็จะเรียกตักเตือนก่อนและให้สวมใส่หน้ากากอนามัยให้เป็นที่เรียบร้อยขณะขับยานพาหนะ ส่วนผู้ใดที่ไม่มีหน้ากากอนามัย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เตรียมหน้ากากอนามัยมาแจกด้วย
ด้านนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้เปิดเผยเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าวว่า ในส่วนของมาตรการสวมหน้ากากอนามัย จะเป็นหน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ตั้งแต่ออกจากบ้าน 100 เปอร์เซ็นต์ทั่วทั้งจังหวัดนั้น เป็นมาตรการที่กำหนดขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักในการป้องกันตนเองไม่ให้เชื้อโควิด-19 เข้าสู่ร่างกาย โดยไม่ได้มุ่งหวังในเงินค่าปรับที่มีโทษสูงสุดไม่เกิน 20,000 บาทแต่อย่างใดทั้งสิ้น
ส่วนอำนาจในการจับ-ปรับ ก็ได้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 เรื่องของการจับผู้ที่ฝ่าฝืนไม่สวมหน้ากากอนามัย ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการและทำเรื่องส่งไปให้ศาลจังหวัดสมุทรสาคร ขณะที่ส่วนที่ 2 การปรับเป็นอำนาจหน้าที่ของศาลจังหวัดสมุทรสาคร แล้วแต่จะพิจารณาโทษว่าต้องปรับเท่าไหร่แต่สูงสุดไม่เกิน 20,000 บาท ซึ่งหากถูกดำเนินคดีแล้วจะเสียทั้งเงินและเวลามากกว่าค่าหน้ากากอนามัยเสียอีก
ดังนั้นจึงขอให้พี่น้องประชาชนดำเนินการตามมาตรการของทางจังหวัดอย่างเคร่งครัด คือ ให้ประชาชนทุกคนภายในจังหวัดสมุทรสาคร เมื่อออกจากบ้านต้องสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ปฏิบัติงานในร้านค้า ร้านอาหาร ตลาด สถานประกอบการ เป็นต้น และ ให้สถานที่ที่มีประชาชนไปใช้บริการ เช่น ร้านค้า ร้านอาหาร ตลาด สถานประกอบการ เป็นต้น มีมาตรการลดการแพร่เชื้อ โดยกำหนดให้ประชาชนต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า หากประชาชนไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า สามารถปฏิเสธการให้บริการ
รวมทั้งต้องมีจุดคัดกรองอุณหภูมิก่อนเข้าอาคาร การวางแอลกอฮอล์เจลไว้ให้บริการ เว้นระยะห่างตามมาตรการทางสังคม (Social Distancing) ซึ่งในกรณีผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งมีบทกำหนดโทษตามนัยมาตรา 51 ผู้ใดฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามมาตรา 34 (6) แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท ทั้งนี้ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ยังคงพบการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว ประกอบกับยังมีประชาชนที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการการป้องกัน
สาครออนไลน์ เรียบเรียงโดย กองบรรณาธิการ