เรือนจำสมุทรสาคร จัดพิธีปิดโครงการพระราชทาน โคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง

เรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร จัดพิธีปิดการฝึกโครงการพระราชทาน “โคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง” พร้อมมอบใบประกาศนียบัตรแก่ผู้เข้าฝึกที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ 124 คน

เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 15 ก.ย. ที่เรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร หมู่ 3 ต.บางหญ้าแพรก อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานในพิธีปิดโครงการพระราชทานโคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวัง พร้อมมอบเกียรติบัตรให้กับผู้ต้องขังที่ผ่านการอบรมหลักสูตรตามโครงการพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว โคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์ และปล่อยผู้ต้องขังที่ผ่านการอบรมและได้รับการอภัยโทษ จำนวน 124 คน โดยมี พ.ต.รัฐกฤษณ์ ใจจริง ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สำนักงานเรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร เข้าร่วมพิธี

ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการฝึกโครงการพระราชทานโคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวัง เรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร กรมราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นการประยุกต์ใช้ทฤษฎีใหม่แบบชาวบ้าน ปั้นโคก ขุดหนอง ทำนา เพื่อสร้างต้นแบบเกษตรทฤษฎีใหม่ในพื้นที่ขนาดเล็ก โดยสามารถดำเนินการได้ในทุกเงื่อนไขของพื้นที่และมุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนพื้นฐานความคิด การฝึกวินัย การลงมือปฏิบัติตลอดจนการแก้ปัญหาในสถานการณ์จริง เพื่อให้ผู้ต้องขังสามารถพึ่งพาตนเองและช่วยเหลือผู้อื่นที่ได้รับความเดือดร้อนได้เมื่อพ้นโทษออกไปภายนอก

ขั้นตอนการฝึกแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน คือ ขั้นที่ 1 การอบรมพึ่งตนเองด้วยทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง, ขั้นที่ 2 การแปลงทฤษฎีเกษตรพอเพียงสู่การปฏิบัติ ที่ประกอบด้วย การออกแบบแนวความคิดการบริหารจัดการพื้นที่ขนาดเล็ก การประยุกต์ทฤษฎีใหม่แบบชาวบ้าน ปั้นโคก ขุดหนอง ทำนา ตามภูมิสังคมลงบนกระดาษ การสร้างพื้นที่จำลอง (Table Top Exercise) และวางแผนการปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง เพื่อพอกิน พออยู่ พอใช้ และพอร่มเย็น การปฏิบัติในพื้นที่จริง มีขนาด 1 งานหรือ 412 ตารางเมตรตามทฤษฎีใหม่แบบชาวบ้าน ปั้นโคก ขุดหนอง ทำนา ตามภูมิสังคม และขั้นที่ 3 คือการสรุปและประเมินผล

จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมา เรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร สามารถพึ่งพาตนเองตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ ทั้งสามารถช่วยเหลือประชาชน ทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมได้ หลังจากนี้แล้ว ผู้ต้องขังที่จะได้รับการพันโทษ จะต้องดำเนินการในพื้นที่ตามภูมิลำเนาของตนเอง อันเป็นการสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการสืบสาน รักษา ต่อยอด โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่าง ๆ โดยการถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจให้แก่ประชาชน เพื่อพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และช่วยกันพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าต่อไป

สาครออนไลน์ เรียบเรียงโดย กองบรรณาธิการ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *