สสจ.สมุทรสาครเผย “โรงปลากระป๋อง” ติดโควิด 900 เป็นตัวเลขที่รายงานไปแล้ว สองโรงงานยักษ์แจง

แฟ้มภาพ

นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร แจงข่าวลือบนโซเชียลฯ พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในโรงปลากระป๋องกว่า 900 ราย เป็นตัวเลขที่รายงานไปแล้ว และมาจากหลายโรงงานในเครือ พร้อมตรวจเชิงรุกต่อเนื่อง “นอติลุส” สั่งปิดโรงงานที่เกิดเหตุ พร้อมร่วมมือตรวจหาเชิงรุก “ไทยยูเนี่ยน” ยันมีแค่ 69 คน ทุกโรงงานยังเปิดตามปกติ

วันนี้ (6 ม.ค.) จากกรณีมีข่าวลือผ่านสื่อโซเชียลว่า โรงงานผลิตอาหารกระป๋องแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ท่าทราย อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร มีแรงงานติดเชื้อโควิด-19 จำนวนกว่า 900 ราย สร้างความแตกตื่นและเป็นที่กังขาของคนในจังหวัด อีกทั้งยังไม่มีหน่วยงานใดออกมาชี้แจงถึงตัวเลขดังกล่าว ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง นพ.นเรศฤทธิ์ ขัดธะสีมา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยว่า เป็นตัวเลขที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อ 2 วันที่แล้ว โดยทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาครได้รายงานให้กระทรวงสาธารณสุข และผู้บังคับบัญชาทุกระดับได้รับทราบแล้ว ซึ่งทางศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ก็มีการรายงานผลให้ประชาชนได้รับทราบแล้วเช่นกัน คือ ยอดที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งที่ค้นหาเชิงรุก และพบในโรงพยาบาล 541 ราย กับ 470 ราย

“ในกลุ่มแรงงานที่ตรวจพบเชื้อกว่า 900 ราย เป็นการตรวจพบเชื้อในกลุ่มผู้ใช้แรงงานที่ทำงานอยู่กับสถานประกอบการในเครือของบริษัทแห่งหนึ่ง พื้นที่ อ.เมืองสมุทรสาคร แต่ไม่ใช่เป็นการตรวจพบที่จุดใดจุดหนึ่ง แต่ตรวจพบในจุดต่างๆ เพียงแต่เป็นโรงงานในเครือของบริษัทเดียวกัน เมื่อนำตัวเลขมารวมกันจึงทำให้มียอดผู้ติดเชื้อจำนวนมาก และเมื่อตรวจพบเชื้อแล้วก็ได้นำเข้าสู่ระบบควอรันทีน (กักตัว) ตามกระบวนการของสาธารณสุข” นพ.นเรศฤทธิ์กล่าว

ส่วนการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุกในกลุ่มแรงงานที่ทำงานอยู่ในสถานประกอบการกว่า 11,000 แห่งนั้น นพ.นเรศฤทธิ์กล่าวว่า ตอนนี้จะเน้นไปที่โรงงานขนาดใหญ่ที่มีแรงงานตั้งแต่ 200 คนขึ้นไป ซึ่งมีกว่า 100 แห่ง โดยจะต้องทำการตรวจให้ครบภายใน 1 สัปดาห์ ส่วนวิธีการตรวจค้นหาเชื้อ เบื้องต้นจะทำการสุ่มตรวจก่อน หากโรงงานใดพบผู้ติดเชื้อมากกว่า 10% ของจำนวนแรงงานกลุ่มตัวอย่างก็จะทำการตรวจแรงงานในสถานประกอบการนั้นๆ ให้ครบทั้ง 100% ขณะนี้ดำเนินการไปได้กว่า 20 แห่งแล้ว

ด้านบริษัท พัทยาฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด ชี้แจงกรณีที่มีข่าวในโลกออนไลน์ถึงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในโรงงาน ว่า จากสถานการณ์ดังกล่าว จังหวัดสมุทรสาครถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด โรงงานของบริษัทฯ ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดนี้ และด้วยตระหนักถึงความปลอดภัยในชีวิตพนักงานและห่วงใยสุขภาพที่อาจจะได้รับผลจากการแพร่ระบาดดังกล่าว บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับทางภาครัฐ ในการตรวจค้นหาเชิงรุก ซึ่งได้รับการยืนยันว่า มีพนักงานติดเชื้อจำนวนหนึ่ง บริษัทฯ ได้ดำเนินการสอบสวนและกักตัวผู้ที่มีความเสี่ยงในการสัมผัสผู้ติดเชื้อโดยทันที

รวมทั้งได้ดำเนินการตามมาตรการและแนวทางในการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเร่งด่วนเข้มข้นสูงสุด ได้แก่ ส่งพนักงานที่มีความเสี่ยงทุกคนในการสัมผัสผู้ติดเชื้อเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทันที และให้พนักงานกักตัวเพื่อดูอาการเป็นเวลา 14 วัน หากพบการยืนยันว่าพนักงานติดเชื้อจะดำเนินการตามแนวทางของภาครัฐ ส่วนโรงงานสั่งหยุดกิจกรรมการผลิตในพื้นที่ที่พบผู้ติดเชื้อ พร้อมดำเนินการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อทันที ในพื้นที่ดังกล่าวตามมาตรฐานของกรมควบคุมโรค

ขณะเดียวกัน ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้กับพนักงานทุกส่วนงาน 100% ของโรงงานมหาชัย โดยได้ประสานงานกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และส่วนราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องของทางจังหวัดสมุทรสาครอย่างใกล้ชิด เพื่อรับรายงานผลการตรวจยืนยันหากพบผู้ติดเชื้อ รวมถึงขอคำแนะนำและดำเนินการตามมาตรการต่างๆ ของภาครัฐอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้พนักงานบางส่วนรายงานตัวเพื่อตรวจซ้ำอีกครั้งหากมีข้อบ่งชี้ที่น่าสงสัย และให้หน่วยงานของบริษัทฯ ดำเนินการตามมาตรฐานด้านสุขอนามัยขั้นสูงสุด เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับพนักงานและผลิตภัณฑ์

กลุ่มบริษัท พัทยาฟู้ด ยังชี้แจงว่า บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารทะเลบรรจุกระป๋องตรานอติลุส และนอติลุส ไลท์ ซึ่งผลิตสินค้าสำเร็จรูปที่บรรจุอยู่ในภาชนะที่ปิดสนิท เช่น กระป๋อง และถุงเพาซ์ โดยผ่านขบวนการทำให้ปลอกเชื้อเพื่อการค้า คือการแปรรูปอาหารด้วยขบวนการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนที่อุณหภูมิมากกว่า 110 องศาเซลเซียส ภายใต้ความดันมากกว่า 9 psi ซืงสามารถทำลายเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้แน่นอน ประกอบกับเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่สามารถทนความร้อนได้และถูกทำลายได้ด้วยวิธีการประกอบอาหารที่อุณหภูมิสูงกว่า 70 องศาเซลเซียส จึงสามารถสร้างความมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัย

ขณะที่นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 5 ม.ค. พนักงานไทยยูเนี่ยนจำนวน 23,630 คน หรือมากกว่า 85% ได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แล้ว โดยพนักงานที่ปฏิบัติงานในจังหวัดสมุทรสาครมีทั้งสิ้น 27,552 คน ได้รับผลการตรวจยืนยันโดยวิธี PCR มีพนักงานที่ติดเชื้อ 69 คน หรือ 0.29% บริษัทฯ ได้ทำการแยกพนักงานกลุ่มดังกล่าวเพื่อกักตัวและส่งรักษากับทางภาครัฐต่อไปหากมีอาการใดๆ ทั้งนี้ การตรวจทั้งสิ้นจะแล้วเสร็จในช่วงสัปดาห์หน้า ย้ำว่าพนักงานทุกคนจะได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับการดูแลอย่างดี โดยไม่จำกัด อายุ เพศ หรือเชื้อชาติ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการผลิตของบริษัทฯ จะดำเนินอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ไทยยูเนี่ยนได้ปฏิบัติตามระเบียบวิธีและแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข โดยมีการกักตัวพนักงานกลุ่มเสี่ยงที่มีการติดต่อกับผู้ติดเชื้อ นอกจากนี้ หน่วยงานของรัฐยังมีการติดตามผู้ที่เข้าข่ายกลุ่มเสี่ยงต่อไป ไทยยูเนี่ยนจะยังคงติดตามสถานการณ์และประสานงานกับภาครัฐอย่างใกล้ชิด บริษัทฯ ได้มีมาตรการที่ชัดเจนในการดูแลผู้ที่ติดเชื้อเอาไว้แล้ว รวมไปถึงการดูแลพนักงานที่ได้รับผลกระทบในขณะที่กักตัวตามแนวทางของภาครัฐ มีการระบุผู้ใกล้ชิดผู้ที่ติดเชื้อและตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้ ตลอดจนการทำความสะอาดฆ่าเชื้อ บิ๊กคลีนนิ่งในบริเวณต่างๆ อีกประการหนึ่ง โรงงานของไทยยูเนี่ยนทุกโรงยังคงเปิดดำเนินการตามปกติ เนื่องจากจำนวนพนักงานที่ได้รับผลกระทบมีอัตราและจำนวนที่น้อยมาก

นายธีรพงศ์กล่าวว่า ภายหลังจากสถานการณ์โควิด-19 ในจังหวัดสมุทรสาคร ไทยยูเนี่ยนตอกย้ำเสมอว่าสิ่งที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญสูงสุดคือสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงาน คู่ค้า ผู้บริโภคและชุมชนโดยรอบ และมีการเพิ่มมาตรการด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยอย่างเข้มงวด บริษัทมีมาตรการคัดกรองผู้ที่จะเข้ามาปฏิบัติงานที่โรงงาน การผลิตยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง แต่ได้งดการประชุมติดต่อ ซึ่งครอบคลุมทั้งพนักงานบริษัท และผู้ที่มาติดต่อ ยกเว้นธุรกรรมที่จำเป็นเท่านั้นและต้องได้รับอนุญาตจากคณะผู้บริหารของบริษัท

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังมีการจำกัดการเคลื่อนย้ายพนักงานภายในโรงงานเอง และให้ฝ่ายสนับสนุนต่างๆ ทำงานจากบ้าน (Work From Home) มีการทำความสะอาดฆ่าเชื้อต่างๆ ในบริเวณสถานที่ปฏิบัติงาน รวมถึงให้พนักงานปฏิบัติตามข้อแนะนำด้านสุขภาพและความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด บริษัทยังมีแผนการเตรียมพร้อมในด้านต่างๆ อาทิ การฝึกซ้อมรับมือสถานการณ์ต่างๆ และมีแผนการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าบริษัทได้ดำเนินตามมาตรฐานสูงสุดในด้านสุขภาพและความปลอดภัยเพื่อพนักงาน การดำเนินงานและผลิตภัณฑ์ของบริษัท

ตามรายงานองค์การอนามัยโลก ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ระบุว่า ไม่มีความเสี่ยงที่เกิดการแพร่เชื้อผ่านผลิตภัณฑ์อาหารหรือบรรจุภัณฑ์อาหาร จึงมั่นใจว่า นโยบายและมาตรการด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยของบริษัทฯ ที่โรงงานซึ่งมีความเข้มงวดในทุกขั้นตอนการผลิต เพื่อป้องกันการปนเปื้อนใดๆ รวมถึงไวรัสและการติดเชื้อต่างๆ นอกจากนี้ ไทยยูเนี่ยนยังคงดูแลชุมชนโดยรอบอย่างต่อเนื่อง ชาวสมุทรสาครได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ในจังหวัดเป็นจำนวนมาก บริษัทได้มีการส่งความช่วยเหลือไปยังหน่วยงานต่างๆ บริษัทขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ ไทยยูเนี่ยนยังคงเชื่อมั่นว่าเราจะผ่านมันไปด้วยกัน

สาครออนไลน์ เรียบเรียงโดย กองบรรณาธิการ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *