ทลาย “เจ๊เพชร” ขนแรงงานเถื่อนผ่าน “บ้านพุน้ำร้อน” ส่งตรงถึงสมุทรสาคร ต้นตอโควิด-19

ผบ.ตร.แถลงจับกุมขบวนการ “เจ๊เพชร” ลักลอบขนแรงงานเถื่อนจากเมียนมาเข้าไทยนานกว่า 5 ปี แม้จะมีโควิด-19 ก็ไม่เว้น ต้นตอแพร่ระบาดตลาดกลางกุ้งสมุทรสาคร พบต้องจ่ายเงิน 6,000-12,000 เนียนขอบัตรผ่านแดนด่านพุน้ำร้อน ถ้าเข้าไม่ได้ก็ใช้ช่องทางธรรมชาติ ก่อนนำส่งจังหวัดภาคกลาง โดยเฉพาะสมุทรสาคร มีรถยนต์ 18 คัน ล่าสุดถูกขังที่เรือนจำบางขวาง ห้ามประกันตัว เป็นผู้มีอิทธิพล

เมื่อวันที่ 15 ก.พ. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แถลงผลการปฏิบัติงานในการกวาดล้างขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมายพร้อมกันทั่วประเทศ ระบุว่า จากผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ซึ่งมีการแพร่ระบาดมาจากแรงงานต่างด้าวในจังหวัดสมุทรสาคร ผลการสอบสวนโรคพบว่ามีสาเหตุมาจากคนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองมาจากประเทศเมียนมาโดยผิดกฎหมาย เพื่อให้สอดรับกับนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่สั่งให้กวาดล้างขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวอย่างเด็ดขาด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้ตั้งคณะทำงานสืบสวนปราบปรามเครือข่ายการกระทำความผิดเกี่ยวกับคนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย มี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าคณะทำงาน

โดยมีการดำเนินการใน 2 มิติ ได้แก่ การสกัดกั้นการลักลอบ ตามแนวชายแดนและเส้นทางเชื่อมต่อแนวชายแดนที่สำคัญ โดยบูรณาการร่วมกับทหาร ฝ่ายปกครอง อาสาสมัคร และกำลังตำรวจทุกหน่วย ตั้งจุดตรวจพื้นที่ชายแดนทั้งหมด 284 จุด จุดตรวจพื้นที่ตอนใน 579 จุด ชุดเคลื่อนที่เร็วเพื่อลาดตระเวนตรวจสอบผู้ที่ลักลอบหลบจุดตรวจ เช่น ว่ายข้ามแม่น้ำ หรือเดินเท้าข้ามป่าอีก 1,714 ชุดปฏิบัติการ อีกมิติหนึ่ง คือการสืบสวนขยายผลจับกุมเครือข่ายที่ลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายทั้งขบวนการ ซึ่งพบว่าบางเครือข่ายมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

โดยผลปฏิบัติการนับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ถึง 11 ก.พ. 2564 สามารถจับกุมคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองได้ 396 ราย, นำหรือพาคนต่างด้าว 29 ราย และที่มีหมายจับค้างเก่าอีก 19 ราย, ช่วยเหลือ ซ่อนเร้นคนต่างด้าวผิดกฎหมาย 91 ราย ยึดรถของกลางที่ใช้ในการนำพา 22 คัน โดยสัปดาห์ที่ผ่านมามีการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายสำคัญจำนวน 21 จุด ในพื้นที่ 9 จังหวัดทั่วประเทศ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งสิ้น 14 คน ยึดรถของกลาง 9 คัน และตรวจสอบรถยนต์ที่พบในบ้านผู้ต้องหาอีก 19 คัน และมีการสืบสวนขยายผลจับกุมเครือข่ายนำพาแรงงานต่างด้าวได้มากกว่า 10 เครือข่าย

พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) แถลงว่า เมื่อวันที่ 12 ก.พ. กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (บก.สส.สตม) จับกุมนางราตรี เวชสุวรรณ หรือเจ๊เพชร อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5/11 หมู่ 15 ต.บ้านเก่า อ.เมืองฯ จ.กาญจนบุรี ในความผิดฐานนำพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรฯ ซึ่งเครือข่ายเจ๊เพชรใหญ่ที่สุดในภาคกลาง มีพฤติการณ์ลักลอบนำเข้าและส่งออกแรงงานต่างด้าวจากประเทศเมียนมามาส่งที่ตลาดกลางกุ้งจังหวัดสมุทรสาคร และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งเกี่ยวพันกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

สำหรับพฤติการณ์ของเจ๊เพชร จะทำหน้าที่เป็นเอเยนต์ฝั่งไทยประสานกับเอเยนต์เมียนมา เมื่อมีแรงงานต้องการเข้าประเทศไทยจะต้องเสียค่าดำเนินการตั้งแต่ 6,000-12,000 บาท และเอเยนต์ในเมียนมาจะออกเอกสารผ่านแดน (Border Pass) ให้กับแรงงาน และเข้ามาทางจุดผ่านแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อน จังหวัดกาญจนบุรี หรือหากไม่มีเอกสารผ่านแดนก็จะลักลอบเข้ามาทางชายแดนธรรมชาติ จากนั้นเจ๊เพชรจะทำหน้าที่จัดหาที่ทำงานและที่พักให้แรงงาน พร้อมสั่งให้นายเย มิน และกลุ่มนายออง โจ เป็นผู้ขับรถพาแรงงานไปยังที่พักดังกล่าวในจังหวัดกาญจนบุรีและสมุทรสาครตามพื้นที่รับผิดชอบ

เบื้องต้นตำรวจสามารถจับกุมเจ๊เพชร รวมถึงนายเย มิน และกลุ่มของนายออง โจได้แล้วรวม 4 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบสวนขยายผลผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยจากการสอบปากคำทราบว่า เครือข่ายของเจ๊เพชรลักลอบขนแรงงานต่างด้าวมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ปี แม้ช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมาจะมีการปิดด่านพรมแดนข้ามประเทศ แต่เครือข่ายก็ยังมีการขนแรงงานเข้ามาอย่างผิดกฎหมายต่อเนื่อง ขณะนี้เจ๊เพชรถูกฝากขังอยู่ภายในเรือนจำกลางบางขวาง จ.นนทบุรี เนื่องจากพนักงานสอบสวนเห็นว่าเป็นผู้มีอิทธิพล อาจไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานในอนาคต จึงคัดค้านการประกันตัว

รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ขบวนการขนแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมานั้น เจ๊เพชรซึ่งเป็นเอเยนต์ฝั่งไทย จะประสานกับเอเยนต์ฝั่งเมียนมา เพื่อรอชาวเมียนมาที่ต้องการลักลอบเข้ามาทำงานในประเทศไทย ซึ่งหากชาวเมียนมารายใดต้องการเข้ามาทำงานในประเทศไทย จะต้องเสียเงินค่าดำเนินการรายละ 6,000-12,000 บาท ซึ่งเอเยนต์ฝั่งเมียนมาจะทำหนังสือผ่านแดนชั่วคราว (Border Pass) เสียค่าใช้จ่ายคนละ 1,500 บาท ก่อนที่จะนำตัวชาวเมียนมาข้ามแดนผ่านทางด่านพรมแดนบ้านพุน้ำร้อน ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เพื่อส่งให้กับเจ๊เพชร หากไม่มีเอกสารผ่านแดนก็จะลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติ

จากนั้น เจ๊เพชรจะทำหน้าที่จัดหาที่พักให้กับชาวเมียนมาที่เข้าเมืองมาได้ โดยติดต่อสั่งการให้นำชาวเมียนมาที่ข้ามแดนมาได้ โดยสารรถกระบะมาพักไว้ที่ปั๊มน้ำมันรุ่งดารา ถนนกาญจนบุรี-บ้านพุน้ำร้อน ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ห่างจากจุดผ่านแดนบ้านพุน้ำร้อนประมาณ 20 กิโลเมตร ก่อนที่จะติดต่อสั่งการไปยังนายเย มิน ซึ่งเคลื่อนไหวในจังหวัดกาญจนบุรี ขับรถกระบะมารับชาวเมียนมาที่ปั๊มน้ำมันรุ่งดารา ไปส่งที่ตัวเมืองกาญจนบุรี โดยได้ค่าจ้างหัวละ 3,000 บาท จากนั้นก็จะให้ชาวเมียนมาขึ้นรถแท็กซี่ไปยังจุดหมายปลายทาง 3 แห่ง ได้แก่ จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดราชบุรี และจังหวัดนครปฐม

ขณะเดียวกัน เจ๊เพชรยังติดต่อสั่งการไปยังนายออง โจ ซึ่งเคลื่อนไหวในจังหวัดสมุทรสาคร นำรถกระบะมารับชาวเมียนมาที่ปั๊มน้ำมันรุ่งดารา ไปส่งที่จังหวัดสมุทรสาคร โดยได้ค่าจ้างหัวละ 3,000 บาท ขณะเดียวกัน นายออง โจ ยังสั่งการไปยังสมาชิกในเครือข่าย ได้แก่ นายแซล โก และนายซอว์ เมียว ไธ่ ซึ่งเป็นเครือข่ายของนายออง โจ นำรถกระบะมารับชาวเมียนมาคนละคัน ไปส่งที่จังหวัดสมุทรสาคร โดยได้ค่าจ้างจากนายออง โจ หัวละ 3,000 บาท และประสานงานกับนายเย มิน ซึ่งเคลื่อนไหวในจังหวัดกาญจนบุรี นำชาวเมียนมาไปส่งที่ตัวเมืองกาญจนบุรีเพื่อส่งไปยังจังหวัดสมุทรสาคร ราชบุรี และนครปฐมอีกด้วย

สำหรับการจับกุมดังกล่าว สืบเนื่องจากศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว และป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) พร้อมด้วยกองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (บก.สส.สตม) และตำรวจภูธรภาค 7 (ภ.7) สนธิกำลังสืบสวนหาข่าว พบว่ามีขบวนการนำแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา เข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยใช้ช่องทางธรรมชาติจากบ้านวาดอร์ เมืองทวาย เขตตะนาวศรี ประเทศเมียนมา เข้าสู่ประเทศไทยทางชายแดนบ้านพุน้ำร้อน บ้านบ้องตี้ ต.บ้านเก่า อ.เมืองฯ จ.กาญจนบุรี โดยมีนายอู เย มิน (U Yae Myint) อายุ 29 ปี สัญชาติเมียนมา เป็นคนนำพา และมีขบวนการรับช่วงต่อไปยังจังหวัดต่างๆ ในภาคกลาง เช่น สุพรรณบุรี นครปฐม ราชบุรี สมุทรสาคร กรุงเทพมหานคร

กระทั่งวันที่ 23 ธ.ค. 2563 ตำรวจเข้าตรวจสอบบ้านเลขที่ 87/53 ต.ปากแพรก อ.เมืองฯ จ.กาญจนบุรี พบนายอู เย มิน และ น.ส.ทู ซา วิน (Thu Zar Win) ภรรยา อายุ 26 ปี รับสารภาพว่าลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ทางช่องทางธรรมชาติชายแดนบ้านพุน้ำร้อน โดยไม่ผ่านการตรวจของเจ้าหน้าที่ พบว่ามีนามบัตรภาษาเมียนมา ระบุชื่อนายอู เย มิน หมายเลขโทรศัพท์ และข้อความบริการรับส่งสินค้า และผู้โดยสารข้ามแดน โทรศัพท์มือถือ บัญชีธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชีนายขิ่น เย (Khin Hywe) และพบรถยนต์กระบะ อีซูซุ ทะเบียน บห 6495 ราชบุรี ผู้ครอบครองชื่อนางราตรี เวชสุวรรณ หรือเจ๊เพชร

โดยนายอู เย มิน สารภาพว่า รับส่งสินค้าจำพวกของแห้งจากฝั่งไทยไปส่งที่หน่าด่านตรวจคนเข้าเมืองเมียนมา แล้วขากลับจะรับจ้างส่งชาวเมียนมาที่ต้องการเข้าประเทศไทยไปส่งที่หน้าด่านตรวจคนเข้าเมืองเมียนมา เพื่อรอนางราตรี หรือเจ๊เพชรมารับ ซึ่งทำมาแล้ว 1 ปี 7 เดือน รถกระบะคันดังกล่าวซื้อในชื่อของนางราตรีเป็นระยะเวลา 1 ปี 7 เดือน ซึ่งนายอู เย มิน จะผ่อนค่าเช่าซื้อให้กับนางราตรี เดือนละ 10,200 บาท เข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขากาญจนบุรี ของนางราตรี

ด่านพุน้ำร้อน (แฟ้มภาพ)

จากการตรวจสอบ พบว่านางราตรีมีรถยนต์ในครอบครองรวม 18 คัน เมื่อสอบสวนขยายผลทำให้ทราบว่า เจ๊เพชรเป็นหนึ่งในขบวนการขนแรงงานต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร ติดต่อกับนายหน้าฝั่งประเทศเมียนมา คิดค่าใช้จ่ายในการเดินทางสำหรับชาวเมียนมาที่ไม่มีหนังสือเดินทางคนละ 6,000 บาท โดยจะทำหนังสือผ่านแดนชั่วคราว (Border Pass) ให้กับชาวเมียนมา เพื่อใช้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ทำทีว่าเข้ามาทำธุระในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี แต่แท้ที่จริงต้องการเดินทางเข้ามาเป็นแรงงาน ทำงานในพื้นที่ชั้นใน โดยเฉพาะภาคกลางของไทย โดยมาพักอยู่ที่บ้านเช่าของนายอู เย มิน และจะมีรถมารับไปส่งตามสถานที่ต่างๆ โดยจ่ายให้คนขับรถยนต์ 2,200 บาท นายอู เย มิน หักไว้ 800 บาท ที่เหลืออีก 3,000 บาท นายอู เย มิน จะโอนเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชีนางราตรี

นอกจากนั้น ยังได้มีการขยายผลไปยังขบวนการของนางราตรีฯ ที่ทำหน้าที่เป็นคนขับรถขนแรงงานจากพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ไปยังจังหวัดสุพรรณบุรี นครปฐม ราชบุรี สมุทรสาคร และ กรุงเทพมหานคร ปัจจุบันตำรวจจับกุมนายแซล โก (Sal Ko) และนายซอ เมียว ไท (Zaw Myo Htike) สัญชาติเมียนมาแล้ว เหลือแต่นายอัง จอ อ่อง โจ (Aung Kyaw Aong Jo) สัญชาติเมียนมา อยู่ในระหว่างออกหมายจับ หากพบเบาะแสคนต่างด้าวที่กระทำผิดกฎหมาย หรือมีพฤติการณ์ในการก่ออาชญากรรม ประชาชนสามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ Call Center สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โทร.1178 หรือทางเว็บไซด์ www.immigration.go.th ได้ทันที

สาครออนไลน์ เรียบเรียงโดย กองบรรณาธิการ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *