คลัสเตอร์เรือนจำสมุทรสาคร พบผู้ติดเชื้อ 203 ราย เร่งเอ็กซ์เรย์ปอดผู้ต้องขัง

นพ.สสจ.สมุทรสาคร ตั้งโต๊ะแถลงคลัสเตอร์เรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร พบผู้ต้องขังติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 203 ราย ทำการแยกกลุ่มเปราะบาง เฝ้าระวังอาการป่วย และตรวจสุขภาพประจำวัน ส่วน ผบ.เรือนจำฯ เผยเตรียมเอ็กซ์เรย์ปอดผู้ต้องขัง ยืนยันดูแลเป็นอย่างดี

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 2 ก.ค. 64 ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร ต.บางหญ้าแพรก อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร นพ.นเรศฤทธิ์ ขัดธะสีมา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วย นายชำนาญ เล็กสกุล ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร, พ.อ.ทวี ใยยะธรรม หัวหน้าฝ่ายการข่าว กอ.รมน.จว.สมุทรสาคร และเจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร แถลงข่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ในคลัสเตอร์เรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร

นพ.นเรศฤทธิ์ ขัดธะสีมา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยว่า ตอนนี้สถานการณ์โดยรวมจากการตรวจคัดกรองในผู้สัมผัสเสี่ยงสูง เบื้องต้นพบผู้ติดเชื้อ 203 ราย โดยพบกระจายในทุกแดนและพบในผู้ต้องขังชายเท่านั้น ไม่พบในผู้ต้องขังหญิง หนึ่งในนั้นมีอาการป่วยเพียง 1 ราย จากอาการออกซิเจนในเลือดต่ำ แล้วได้ให้การรักษาและให้ออกซิเจนจนเป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวแล้ว ส่วนผู้ต้องขังคนอื่น ๆ ก็มีการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดเช่นกัน ซึ่งในเรือนจำได้มีมาตรการซีลไว้อย่างชัดเจน คือต้องให้ผู้ต้องขังอยู่ในเรือนจำทั้งหมด และเฝ้าระวังทุกคนว่าว่ามีอาการป่วยหรือไม่ ถ้ามีอาการป่วยก็รีบรักษา ซึ่งปัจจุบันนี้ทางแพทย์จากโรงพยาบาลสมุทรสาครก็ได้ให้การดูแลรักษาและให้ยาในกลุ่มที่เปราะบางหรือมีอาการค่อนข้างรุนแรง

ส่วนสาเหตุที่พบผู้ติดเชื้อนั้น คาดว่ามีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเมื่อเดือนที่แล้วมีเจ้าหน้าที่เรือนจำฯ เป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 ก็อาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เชื้อเข้ามาในเรือนจำได้ หรือจากแดนแรกรับที่อาจมีการคัดกรองแล้วมีการปะปนเข้ามา สำหรับเจ้าหน้าที่เรือนจำฯ ทางกรมราชทัณฑ์มีมาตรการตรวจคัดกรองในกลุ่มเจ้าหน้าที่ฯ เป็นระยะ ในการเปลี่ยนผลัดการทำงานก็มีการตรวจหาเชื้อเพื่อเข้าไปทำงานด้านในและเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจในเรือนจำฯ ก่อนออกไปข้างนอก ตรงนี้เป็นรอบการตรวจของเรือนจำอยู่แล้ว

นพ.นเรศฤทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนรูปแบบแผนงานที่จะดำเนินการต่อไปนั้น ประเด็นสำคัญอย่างแรก คือ การจัดระบบการรักษาพยาบาล เพราะจะต้องมีการแยกกลุ่มเปราะบางซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคเรื้อรัง จำนวน 294 คน ก็จะได้รับดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อเฝ้าระวังว่าจะมีอาการป่วยหรือไม่ โดยมีการวัดไข้ วัดระดับออกซิเจนทุกวัน และในผู้ต้องขังกลุ่มอื่น ๆ ถ้าใครมีอาการที่เข้าข่ายเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ หรือเข้านิยามการเฝ้าระวังสอบสวนโรค (PUI) ก็จะรีบนำมารักษา ตรงนี้ก็เป็นกระบวนการที่วางแผนไว้

อย่างที่สองคือการจัดระบบตรวจสุขภาพประจำวันแก่ผู้ต้องขัง และการปรึกษาแพทย์ที่รับผิดชอบของโรงพยาบาลสมุทรสาคร เพื่อประเมินสถานการณ์รายวันว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงก็ดูแลไปตามหลักปฏิบัติที่กำหนดไว้ต่อไป ทั้งนี้ การนำผู้ต้องขังรายใหม่เข้าไปในเรือนจำได้ จะต้องผ่านกระบวนการกักตัว 28 วัน

ทางด้านนายชำนาญ เล็กสกุล ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ที่ผ่านมา ทางกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ และทางจังหวัดสมุทรสาคร ได้ร่วมกันแก้ไขปัญหาและให้การช่วยเหลือทางเรือนจำฯ เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการส่งวัสดุอุปกรณ์ ครุภัณฑ์ทางการแพทย์ ล่าสุดทางกรมราชทัณฑ์ได้ส่งเครื่องเอ็กซ์เรย์ปอดพระราชทาน มาไว้ที่เรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งในวันที่ 3 ก.ค. 64 จะเริ่มดำเนินการเอ็กซ์เรย์ปอดของผู้ต้องขังทุกรายไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ความมั่นใจกับประชาชนและผู้ต้องขังว่าเราดูแลรักษาเป็นอย่างดี ขอให้มั่นใจได้กับเรื่องนี้ ส่วนเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคงก็มีทางทหารมาช่วยดูแลด้วย ตนคิดว่าสถานการณ์จะเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีในเร็ววัน

สำหรับสถานการณ์ในเรือนจำฯ ขณะนี้ผู้ต้องขังเข้าใจในสถานการณ์ตรงนี้ดี อยู่ในห้องกักก็ให้ดูโทรทัศน์ มีน้ำขิงต้มให้ดื่ม อีกทั้งทางภาครัฐและเอกชนได้เข้ามาสนับสนุหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ หรือสมุนไพรต่าง ๆ เช่น ฟ้าทะลายโจรให้รับประทาน ตนคิดว่าผู้ต้องขังทุกคนได้รับการดูแลอย่างดี อีกทั้งผู้ต้องขังมีสภาพจิตใจที่ดี และเข้าใจว่าโควิด-19 ไม่ได้อันตรายอย่างที่คิด เพราะว่าบางคนเป็นแล้วไม่มีอาการเลย ไม่รู้ตัวว่าเป็นโควิด-19 เหมือนคนปกติทั่วไป

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันเรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร มีผู้ต้องขังทั้งหมด 2,223 คน แบ่งเป็นผู้ต้องขังชาย 1,929 คน ผู้ต้องขังหญิง 294 คน

สาครออนไลน์ โดย กิตติกร นาคทอง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *