ผบ.ทร. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการผลักดันน้ำในแม่น้ำท่าจีน

ผู้บัญชาการทหารเรือ ตรวจเยี่ยมจุดติดตั้งเรือผลักดันน้ำในแม่น้ำท่าจีน 30 ลำ เร่งระบายน้ำจากพื้นที่ลุ่มต่ำทุ่งเจ้าพระยา 12 ทุ่งลงสู่อ่าวไทย ตามที่กรมชลฯ ขอรับสนับสนุน เพื่อให้เกษตรกรเพาะปลูกพืชฤดูแล้งทันภายในเดือน ธ.ค.

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 2 ธ.ค. 2560 น. ที่วัดใหญ่จอมปราสาท ต.ท่าจีน อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ (ผอ.ศบภ.ทร) ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมจุดติดตั้งเรือผลักดันน้ำในแม่น้ำท่าจีน เพื่อบำรุงขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของกำลังพลในการผลักดันน้ำ

พร้อมด้วย พล.ร.อ.พิเชฐ ตานะเศรษฐ เสนาธิการทหารเรือ, พล.ร.ต.สมัย ใจอินทร์ เจ้ากรมพัฒนาการช่าง กรมอู่ทหารเรือ โดยมีนายประภัสสร์ มาลากาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร, นายโชติพัฒน์ สิชฌรังสี ปลัดจังหวัดสมุทรสาคร, นายวิรัตน์ ไชยสิทธิ์ นายอำเภอเมืองสมุทรสาคร รวมถึงส่วนราชการ ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมให้การต้อนรับ

สืบเนื่องจากแม่น้ำท่าจีนในเขต จ.สมุทรสาคร มีสภาพคดเคี้ยว ส่งผลต่อการระบายน้ำลงสู่อ่าวไทยเป็นไปด้วยความล่าช้า ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำท่าจีนยังคงมีระดับสูง สภาพปัจจุบันยังคงมีน้ำเอ่อล้นตลิ่งบริเวณนอกคันกั้นน้ำ อีกทั้งยังทำให้พื้นที่ลุ่มต่ำของทุ่งเจ้าพระยาตอนล่างทั้งหมด 12 ทุ่ง ยังมีน้ำท่วมขังอยู่ไม่สามารถระบายออกได้เต็มประสิทธิภาพ

ซึ่งกรมชลประทาน มีความจำเป็นเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ลุ่มต่ำดังกล่าวเพื่อให้เกษตรกรเพาะปลูกพืชฤดูแล้งได้ทันภายในกลางเดือน ธ.ค. นี้ จึงได้ขอรับการสนับสนุนเรือผลักดันน้ำจากกองทัพเรือ ในการเพิ่มศักยภาพในการระบายน้ำในแม่น้ำท่าจีนให้ลงสู่อ่าวไทยได้รวดเร็วขึ้น ตลอดจนดึงน้ำที่ท่วมขังในทุ่งเจ้าพระยาตอนล่างให้ออกจากทุ่งอย่างรวดเร็ว ซึ่ง ผบ.ทร. ได้สั่งการให้อู่ทหารเรือธนบุรี กรมอู่ทหารเรือ เป็นหน่วยดำเนินการในการสนับสนุนเรือผลักดันน้ำจำนวน 30 ลำ ติดตั้งบริเวณใต้สะพานข้ามแม่น้ำท่าจีน ถ.พระราม 2

ก่อนหน้านี้ เมื่อ 22 ต.ค. ที่ผ่านมา ศบภ.ทร. โดยอู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า กรมอู่ทหารเรือ ได้จัดส่งขบวนรถลำเลียงเรือผลักดันน้ำ จำนวน 22 ลำ พร้อมกำลังพล 80 นาย ให้การสนับสนุนจังหวัดสมุทรสาคร ในการติดตั้งเรือผลักดันน้ำในแม่น้ำท่าจีนบริเวณดังกล่าวมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งผลการดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ต่อมาเมื่อวันที่ 23 พ.ย. ศบภ.ทร. โดยอู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า กรมอู่ทหารเรือ ก็ได้ให้การสนับสนุนจังหวัดเพชรบุรี ในการติดตั้งเรือผลักดันน้ำ จำนวน 30 ลำ บริเวณวัดคุ้งตำหนัก อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี เพื่อดำเนินการผลักดันน้ำในแม่น้ำเพชรบุรี ที่เอ่อล้นตลิ่งและทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ในพื้นที่ อ.บ้านลาด, อ.เมืองฯ และ อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี สามารถผลักดันน้ำจนเข้าสู่สภาวะปรกติได้ในเวลาอันรวดเร็ว ทั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของ ผบ.ทร. ในฐานะ ผอ.ศบภ.ทร. ให้ทุกหน่วยอยู่เคียงข้างประชาชนให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอย่างเต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมง

สำหรับเรือผลักดันน้ำของกองทัพเรือนั้น ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำหลากมาตั้งแต่ปี 2538 ซึ่งแนวความคิดนี้ ปัจจุบันกรมชลประทานได้นำไปดัดแปลงระบบ เพื่อใช้แก้ไขปัญหาระบบน้ำทั่วประเทศ และจากองค์ความรู้ ในการสร้างเรือผลักดันน้ำ ที่คงมีอยู่ทำให้ กองทัพเรือสร้างเรือผลักดันน้ำขึ้นใหม่เพื่อให้ทันต่อการนำไปใช้ในพื้นที่ประสบอุทกภัย ในปี 2554

ทั้งยังสนองต่อพระราชดำริแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยการนำอุปกรณ์ เครื่องยนต์ที่มีอยู่เดิมมาผลิตและพัฒนาขึ้นใหม่เป็น 3 ขนาด คือขนาด 320 แรงม้า ผลักดันน้ำได้ 150,000 ลบ.ม./วัน ขนาด 220 แรงม้า ผลักดันน้ำได้ 100,000 ลบ.ม./วัน และขนาด 120 แรงม้า ผลักดันน้ำได้ 30,000 ลบ.ม./วัน เรือผลักดันน้ำนับว่าเป็นประโยชน์ต่อการระบายน้ำเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการระบายน้ำออกสู่ทะเลได้ครั้งละปริมาณมาก อีกทั้งยังสามารถชะล้างไล่ดินเลนที่ตกตะกอนอยู่ก้นแอ่งให้หมดไป ทำให้น้ำไหลได้สะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่เป็นแอ่ง เป็นบึงและคอขวด เนื่องจากเป็นที่ลุ่มระบายน้ำออกได้ลำบากและไหลได้ไม่เร็ว

สาครออนไลน์ โดย กองบรรณาธิการ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *