ขออนุญาตปล้น! ตร.คุมตัวหนุ่ม 22 ทำแผน สวมชุดไรเดอร์ชิงทอง 15 บ. เผยเหตุลงมือจะไปขอหญิงแต่งงาน

ตำรวจนำตัวหนุ่มวัย 22 ปี ผู้ต้องหาสวมชุดไรเดอร์ก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทอง ภายในห้างสรรพสินค้าย่านเอกชัย ต.โคกขาม จ.สมุทรสาคร ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เผยขณะก่อเหตุมารยาทงามเอ่ยปาก “ขออนุญาตปล้น” ก่อนโชว์ปืนที่เหน็บเอวไว้ ขู่ให้พนักงานหยิบสร้อยทอง 15 บาทใส่เป้ บิด จยย. ซิ่งหนี ส่วนสาเหตุนำทองไปขอสาวแต่งงาน

จากกรณีคนร้ายสวมเสื้อคลุมไรเดอร์ ก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์ร้านขายทองรูปพรรณ ร้านทองเยาวราชกรุงเทพฯ สาขามหาชัย 2 ภายในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีซุปเปอร์เซ็นเตอร์ มหาชัย 2 หมู่ 4 ต.โคกขาม อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2567 เวลา 12.15 น. โดยได้สร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 3 บาท จำนวน 5 เส้น และได้ขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 20 พ.ค. 2567 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.สุระพรรณ นาทวรทัต ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ธีระเดช อธิภัคกุล รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร (สส.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.อดุลชัย เผ่าพันธุ์ศร รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร (กม.) พ.ต.อ.สมชาย ขอค้า ผกก.สภ.โคกขาม พ.ต.อ.ยอดชาย แก้วเรือง ผกก.กก.สส.ภ.จว.สมุทรสาคร และเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน (ชุดจับกุม)

ร่วมกันนำตัว นายนพรัตน์ หรือโม ร่มโพธิ์ อายุ 22 ปี ชาวแขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุในคดีดังกล่าว มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ ภายหลังจากที่เข้าจับกุมตัวไว้ได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่หมู่ 4 ต.โคกขาม อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร ซึ่งคนร้ายใช้เป็นที่หลบซ่อนตัว พร้อมยึดของกลาง ได้แก่ สร้อยคอทองคำรูปพรรณที่ได้จากการชิงทรัพย์ จำนวน 5 เส้น อาวุธปืนกึ่งอัตโนมัติ ยี่ห้อ ซีแซด 75 รุ่นคอมแพค ขนาด 9 มม. อาวุธปืนกึ่งอัตโนมัติ ยี่ห้อ วอลเทอร์ ขนาด .380 พร้อมซองบรรจุกระสุนปืน เครื่องกระสุน ซองพกในแบบผ้าสีดำ กล่องเก็บปืนแบบพลาสติก กล่องกระดาษสีแดง รวมถึงเสื้อยืดแขนสั้นสีแดง กางเกงยีนส์ขายาวสีกรมท่า รองเท้าแบบผ้าสีดำ หมวกนิรภัยแบบเต็มใบสีฟ้า ที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ และรถจักยานยนต์ ยี่ห้อ ยามาฮ่า รุ่นเอ็มที 15 สีน้ำเงิน ไม่ติดหมายเลขทะเบียน ซึ่งเป็นยานพาหนะที่ใช้ในการหลบหนี

โดยกล่าวหาว่า “ชิงทรัพย์ของผู้อื่น โดยทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ โดยมีหรือใช้อาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อการกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว หรือไม่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์จากการกระทำความผิด” 

จากการสอบถามนายนพรัตน์ ร่มโพธิ์ ซึ่งเป็นผู้ต้องหา บอกว่าตนเองก่อเหตุจริง โดยก่อนที่จะลงมือประมาณ 1 สัปดาห์ได้มาดูลาดเลาไว้แล้ว 1 ครั้ง และเมื่อสบโอกาสก็ลงมือทันที ซึ่งตอนที่เดินเข้าไปก่อเหตุนั้น ได้ยกมือไหว้และกล่าวกับพนักงานหน้าร้านว่า “ขออนุญาตปล้น ช่วยหยิบทองเส้นละ 3 บาท 5 บาท ใส่กระเป๋าให้ด้วยครับ ถ้าไม่อยากถูกยิง และช่วยหยิบให้เร็ว ๆ ด้วย” พร้อมกับถกเสื้อให้ดูอาวุธปืนที่เหน็บอยู่ที่เอว 2 กระบอก กระทั่งพอได้สร้อยคอทองคำแล้ว ก็วิ่งลงมาขึ้นรถจักรยานยนต์ขับขี่หลบหนีไป แล้วได้มีการย้อนกลับมาหลบซ่อนตัวที่บ้านแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุมากนัก

ส่วนที่ทำลงไปนั้นก็เพราะต้องการนำสร้อยไปขอผู้หญิงแต่งงาน จึงได้ปลอมตัวแต่งกายด้วยชุดไรเดอร์ที่ตนมีอยู่ เพราะในอดีตตนเคยทำงานนี้มาก่อน แต่ปัจจุบันไม่ได้ทำแล้ว ส่วนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุนั้นเป็นของบิดา และที่ต้องมีการกล่าว “ขออนุญาตปล้น” ก่อนที่จะลงมือข่มขู่พนักงานขายให้หยิบสร้อยคอทองคำให้นั้น ก็เพราะทางบ้านสอนมาดีตั้งแต่เด็ก แต่ตนกลับทำตามที่สอนมาไม่หมด ก็เลยต้องมาเป็นโจร โดยภายหลังจากที่ทำแผนประกอบคำรับสารภาพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้นำตัวผู้ต้องหาส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.โคกขาม จ.สมุทรสาคร ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ด้าน น.ส.ปัณณ์ฐิตา รุ่งเรือง อายุ 32 ปี พนักงานขายหน้าร้านของร้านทองเยาวราชกรุงเทพฯ สาขามหาชัย 2 บอกว่า ทุกวันนี้ยังรู้สึกใจสั่นหวาดระแวงไม่หาย ซึ่งวันนั้นตนเองตกใจมาก และที่ต้องยอมทำตามก็เพราะกลัวอันตรายที่คนร้ายมีปืน ส่วนตามคลิปที่เห็นหยิบทองเข้าออกจากกระเป๋าก็เพราะต้องการยืดเวลาให้ช้าที่สุด แต่คนร้ายก็ข่มขู่ให้หยิบเร็ว ๆ จึงต้องทำตาม

สาครออนไลน์ เรียบเรียงโดย กองบรรณาธิการ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *