![](http://www.sakhononline.com/report/2017/wp-content/uploads/2023/05/01.jpg)
สนามเลือกตั้งสมุทรสาคร ปี 2566 มีผู้ลงสมัคร ส.ส. แบ่งเขต รวมทั้ง 3 เขตเลือกตั้ง จำนวน 29 คน จาก 10 พรรคการเมือง
ที่น่าสนใจกว่านั้น มีผู้สมัครที่เป็น New Generation คนรุ่นใหม่ที่อายุไม่เกิน 30 ปี จำนวน 6 คน เริ่มตั้งแต่น้องเล็กสุด “การ์ฟิล” ธชย สำลี จากพรรคภูมิใจไทย เขต 1 ด้วยวัย 26 ปี น้อยที่สุดในการเลือกตั้งครั้งนี้ แม้จะลงเลือกตั้งครั้งนี้ เพื่อเข้ามาแทนคนที่ลาออกไปหลังจากการทำไพรมารีโหวต
ตามมาด้วย “บูม” รัฐภูมิ อัศววิริยวงศ์ จากพรรคไทยภักดี เขต 1 วัย 27 ปี ที่ลงพื้นที่ฝากเนื้อฝากตัวกับชาวบ้านมาแต่เนิ่น ๆ ก่อนผู้สมัครรายอื่นกว่า 2 ปี เช่นเดียวกับ “ลูกน้ำ” ปัณฑารีย์ มั่งมี จากพรรคพลังประชารัฐ เขต 2 วัย 27 ปีเช่นกัน เป็นลูกสาวของ “วงศ์มงคล มั่งมี” หรือ “กำนันกุ้ง” ที่ตอนแรกออกแนะนำตัวกับชาวบ้านในพื้นที่ในนามค่ายคนแดนไกล แต่สุดท้ายมาลงเอยกับค่ายลุงป้อม
ทางด้านพรรคก้าวไกล มี 3 ทหารเสือ ประกอบด้วย เขต 1 “ฟลิ้น” ณัฐพงษ์ สุมโนธรรม, เขต 2 “เจ” ศิริโรจน์ ธนิกกุล” และเขต 3 “ครูสิทธิ์” ศิรสิทธิ์ สงนุ้ย จากกระแส “ส้มรักพ่อ” ที่กำลังดังกระหึ่มไปทั่วประเทศ ก็หวังโกยคะแนนจากเสียงคนรุ่นใหม่ทั้ง 3 เขต แต่ที่แปลกกว่านั้น ทุกคนอายุ 28 ปีเท่ากันหมด
เพื่อทำความรู้จักกับนักการเมืองหน้าใหม่เหล่านี้ “สาครออนไลน์” มีโอกาสได้พูดคุยกับ 2 ผู้สมัคร ส.ส. สมุทรสาคร เขต 1 ได้แก่ “บูม” รัฐภูมิ อัศววิริยวงศ์ และ “ฟลิ้น” ณัฐพงษ์ สุมโนธรรม แม้นักการเมืองหน้าใหม่ทั้งสองจะมีอุดมการณ์ต่างกัน แต่ล้วนมีจุดเริ่มต้นจากความสนใจการเมืองตั้งแต่วัยเด็กเหมือนกัน
![](http://www.sakhononline.com/report/2017/wp-content/uploads/2023/05/02.jpg)
เริ่มกันที่พรรคไทยภักดี เบอร์ 6 “บูม” รัฐภูมิ อัศววิริยวงศ์ เกิดและโตที่ อ้อมน้อย สมุทรสาคร เป็นบุตรชายของ ธนวุฒิ นนยะโส ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดคลองครุ มีพี่ชาย 1 คน จบการศึกษาในระดับ ปวช. จากวิทยาลัยเทคนิคสมุทรสาคร แผนกช่างยนต์ รุ่นที่ 39 จากนั้นสอบรับราชการเป็นทหารบก สังกัดกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ จ.สระบุรี รับราชการได้ประมาณ 3 ปี มีความสนใจในงานด้านการเมือง จึงได้ศึกษาคณะนิติศาสตร์ ม.รามคำแหง รุ่น 44 ควบคู่ไปกับการทำงาน พอช่วงใกล้เรียนจบได้ตัดสินใจลาออกจากราชการ เพื่อที่จะทำตามความฝัน คือทำงานการเมือง ซึ่งเป็นงานที่ชอบตั้งแต่วัยเด็ก ปัจจุบันทำธุรกิจซื้อขายรถยนต์มือสอง ที่ทำมาตั้งแต่สมัยเรียน ปวช. ปี 1
รัฐภูมิเล่าว่า เริ่มต้นสนใจการเมืองจากการถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก คุณพ่อเป็นคนชอบการเมืองมาก เวลามีการชุมนุมก็พาไปร่วมด้วยตลอด จึงได้ซึมซับในตอนนั้นจนเกิดความชอบ แล้วพอโตขึ้นมารับราชการในตำแหน่งชั้นผู้น้อย ได้พบเจอปัญหาต่าง ๆ ทำให้ตัดสินใจที่จะลงทำงานการเมืองแบบเต็มตัว โดยได้ลงพื้นที่ประมาณ 2 ปีเศษ พบปะชาวบ้านให้ความช่วยเหลือตั้งแต่ช่วงวิกฤตโควิด-19 หรือน้ำท่วมขัง ก็ให้การช่วยเหลือกันเท่าที่จะทำได้ และได้รับฟังปัญหาจากชาวบ้าน ส่วนใหญ่เป็นปัญหาปากท้องคุณภาพชีวิต ค่าครองชีพสูง รายได้ต่ำ และปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น สะพานวัดเจษ ไม่ว่าจะกี่ปีก็ไม่ได้รับการแก้ไข เปลี่ยนนักการเมืองไปกี่ชุดก็ยังมีปัญหาอยู่เหมือนเดิม
![](http://www.sakhononline.com/report/2017/wp-content/uploads/2023/05/04.jpg)
“ในการลงพื้นที่หาเสียง ก็จะเป็นการลงพื้นที่ลักษณะเดิม ๆ ที่เราเคยทำมา คือจะไม่ได้รู้สึกแปลกใหม่อะไร วันแรกเราเริ่มต้นอย่างไรก็ทำอย่างนั้น เมื่อ 2 ปีที่แล้วผมเดินคนเดียว ไปงานศพแบบไม่มีใครรู้จัก ทุกคนงงแล้วถามว่าผมเป็นใคร เด็กคนนี้เป็นใคร จนมาถึงวันนี้ชาวบ้านส่วนใหญ่รับรู้ถึงความตั้งใจของเราแล้ว ต่อให้เราจะเดินคนเดียวหรือสองคนเหมือนเดิม เขาก็ยังให้การต้อนรับเราดี ไม่ได้มองว่าเดินหาเสียงทำไมมาน้อย คือทุกคนเข้าใจในความตั้งใจของเรา เพราะเราทำให้เป็นภาพจำของชาวบ้านไปแล้ว”
ส่วนการทำงานกับทางพรรคไทยภักดี มาจากจุดยืนเดิมอยู่ฝั่งที่คนส่วนใหญ่เรียกว่ากลุ่มคนเสื้อเหลือง ทีนี้ตนชื่นชอบ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม เป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว พอทราบว่าได้ตั้งพรรคการเมือง ตนก็ไปสมัครสมาชิกตั้งแต่วันแรก เวลาผ่านไปสักพักก็ได้รับการทาบทามจากทางพรรคให้ลงสมัคร ส.ส. สมุทรสาคร เขต 1 ตอนแรกชั่งใจอยู่เพราะกำลังเงินมันไม่พอที่จะสู้ได้ แต่ว่าด้วยอุดมการณ์ทำให้ตัดสินใจสู้ ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร อย่างน้อยก็ได้ทำตามอุดมการณ์ของเรา ทำให้ดีที่สุด
![](http://www.sakhononline.com/report/2017/wp-content/uploads/2023/05/03.jpg)
ซึ่งพรรคไทยภักดีมีผลงานที่เด่นชัดในเรื่องการปราบโกง เช่น หัวหน้าพรรคฯ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม เปิดโปงการทุจริตจำนำข้าว ประธานพรรคฯ ถาวร เสนเนียม มีผลงานเคยเอาผิด กกต. ทุจริตการเลือกตั้งจนต้องติดคุกทั้งชุดมาแล้ว และเลขาธิการพรรคฯ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ที่ตรวจสอบทุจริตการบินไทย จนวันนี้ ป.ป.ช. ส่งฟ้องไปเรียบร้อยแล้ว โดยสโลแกนพรรคไทยภักดี “ปราบโกง = แก้จน” เพราะในประเทศไทยมีการทุจริตปีละไม่ต่ำกว่า 3 แสนล้านบาท ถ้ารัฐบาลไหนสามารถปราบทุจริตได้ จะทำให้เงินเหล่านั้นกลับสู่ประชาชนมาพัฒนาคุณภาพชีวิต ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งทำอะไรได้มากมาย ซึ่งนโยบายปราบโกง โดยหลักคือออกกฎหมายให้คดีทุจริตไม่มีอายุความ ผู้ที่ถูกเรียกรับสินบนถูกกันไว้เป็นพยาน ไม่ให้เป็นผู้ร่วมกระทำผิด
![](http://www.sakhononline.com/report/2017/wp-content/uploads/2023/05/13.jpg)
นอกจากนี้ ยังมีนโยบายการปฏิวัติพลังงาน เช่น ลดค่าไฟฟ้าเหลือหน่วยละ 2.50 บาท โดยจะไปยกเลิกสัญญาเก่าที่รัฐบาลชุดก่อนทำไว้ และเปลี่ยนวัตถุดิบในการผลิตไฟฟ้า จากการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเป็นการใช้พืชพลังงาน ทำให้ต้นทุนถูกลง ซึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ ท่านถาวร เสนเนียม ประธานพรรคไทยภักดี ได้ลงพื้นที่ จ.สมุทรสาคร และรับฟังปัญหาพี่น้องประชาชนเรื่องค่าครองชีพ ทั้งค่าน้ำค่าไฟฟ้า ค่าแก๊สหุงต้มในการขายอาหารของพ่อค้าแม่ค้า รวมถึงไปสอบถามชาวนาเกลือ ที่มีปัญหาที่ดินของสหกรณ์ฯ ไม่สามารถออกโฉนดได้ ซึ่งตนได้รับเรื่องแล้วและจะติดตามต่อ รวมถึงราคาผลผลิตเกลือไม่คงที่ในแต่ละปี แต่ต้นทุนยังคงเท่าเดิม ก็จะผลักดันให้มีการลดค่าไฟฟ้าเครื่องสูบน้ำเข้านาเกลือ เป็นต้น
![](http://www.sakhononline.com/report/2017/wp-content/uploads/2023/05/08.jpg)
มาต่อด้วยพรรคก้าวไกล เบอร์ 9 “ฟลิ้น-ณัฐพงษ์ สุมโนธรรม” เกิดและโตที่ท่าฉลอม สมุทรสาคร เป็นลูกคนที่ 3 ในจำนวนพี่น้อง 4 คน คุณพ่อคือ คณิต สุมโนธรรม อดีตผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดสมุทรสาคร ในวัยเด็กมีความสนใจด้านการเมือง อ่านคอลัมน์การเมืองตามหน้าหนังสือพิมพ์ ติดตามอภิปรายในสภา และชอบนั่งในวงผู้ใหญ่สอบถามเวลาพูดคุยเรื่องการเมืองระดับต่าง ๆ เรียนจบชั้นประถม ร.ร.สมฤดีสมุทรสาคร ศึกษาต่อชั้นมัธยม ร.ร.สวนกุหลาบวิทยาลัย รุ่น 131 และสอบเข้าได้คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ สิงห์แดง รุ่น 65 เมื่อเรียนจบแล้วบินไปเรียนภาษาและหาประสบการณ์ชีวิต หรือ gap year ที่ประเทศออสเตรเลีย แล้วกลับมาทำงานในบริษัทที่ปรึกษาด้านการพัฒนาบุคคลแห่งหนึ่ง
ณัฐพงษ์เล่าว่า เข้าสู่เส้นทางการเมืองจากการที่ได้ไปเป็นอาสาสมัครให้กับทางพรรคอนาคตใหม่ กระทั่งพรรคถูกยุบไป ก็ได้รับการทาบทามจาก “ปิยบุตร แสงกนกกุล” ให้มาทำงานเป็นผู้ช่วยที่คณะก้าวหน้า หลังจากนั้นมาทำงานให้กับพรรคก้าวไกล เป็นผู้ติดตามของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคฯ ทำข้อมูลประเด็นต่าง ๆ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และเรียนรู้งานในสภาต่าง ๆ
“ฟลิ้นก็มีความฝันมาโดยตลอดอยากจะลงเป็นผู้แทนราษฎร เพราะเห็นว่าหลาย ๆ เรื่อง ถ้าไม่มีอำนาจทางการเมืองหรือใช้อำนาจทางการเมืองในการเข้าไปแก้ไขกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม เข้าไปเปลี่ยนแปลงประเทศด้วยอำนาจรัฐ มันยากมากที่จะแก้ไข เช่น แก้ไขกฎหมายประมง ทีนี้พอเข้าไปอยู่กับทางพรรคก้าวไกล ก็หาจังหวะว่าเมื่อไหร่ดีที่จะลงผู้แทนฯ อยากจะช่วยอยู่เบื้องหลังให้คุณพิธาเป็นรัฐมนตรีก่อน
วันหนึ่งจังหวะก็เปิด มีการสรรหาผู้สมัคร ส.ส. สมุทรสาคร ก็เลยลองสมัครและสัมภาษณ์กับทางคณะกรรมการจังหวัดฯ คณะกรรมการบริหารพรรคฯ จนได้รับการคัดเลือกจากทางพรรคก้าวไกลให้เป็นผู้สมัคร ส.ส. สมุทรสาคร เขต 1 เพราะเห็นว่าด้านหนึ่งอายุน้อย สดใหม่ ทำงานกับพรรคมานาน มีความเข้าใจนโยบายของพรรคฯ ยังไงก็ไม่เป็นงูเห่า ถูกพิสูจน์อุดมการณ์อยู่เสมอ อีกทั้งเรียนทางด้านนี้มาโดยตรง มีความสนใจเรื่องการกระจายอำนาจ เรื่องประมง และเรื่องต่าง ๆ ทำให้ทางพรรคฯ รับรองเป็นผู้สมัครฯ ที่บ้านเกิดของผม”
![](http://www.sakhononline.com/report/2017/wp-content/uploads/2023/05/07.jpg)
ณัฐพงษ์ เล่าต่ออีกว่า การทำงานตั้งแต่คณะก้าวหน้าจนถึงพรรคก้าวไกล แม้อายุยังน้อยก็ทำให้ได้เรียนลัดทางการเมืองจากการทำงานเบื้องหลัง หลาย ๆ เรื่องบางทีตนเองก็มีความฝัน แต่เวลาเข้าไปอยู่ในระบบการเมืองก็คงมีกลไกต่าง ๆ ที่อาจจะเป็นข้อทำได้บ้างไม่ได้บ้าง แน่นอนเราต้องตั้งจากความฝัน แล้วพอไปทำงานกับคุณปิยบุตร และคุณพิธา ที่มีความเข้าใจทางการเมืองและผ่านการทำงานภาพใหญ่ ทำให้ตนเองได้เรียนรู้กลไกของกรรมาธิการทำงานอย่างไร แม้จะเป็นฝ่ายค้าน แต่กลไกเหล่านี้สามารถไปส่งเสียงแก้ไขปัญหาได้ เช่น การได้ไปยื่นจดหมายร้องเรียนถนนพระราม 2 มีอุบัติเหตุบ่อย ต่อคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองฯ สภาผู้แทนราษฎร ก็เลยเห็นว่ากลไกกรรมาธิการทำอะไรได้เยอะมาก รวมถึงเคยเป็นผู้จัดการโครงการรณรงค์แคมเปญ “ขอคนละชื่อปลดล็อกท้องถิ่น” ของคณะก้าวหน้า ก็ทำให้ตนเข้าใจเรื่องการกระจายอำนาจมากขึ้น เห็นของศักยภาพประเทศไทยที่มีอะไรอีกเยอะ แต่ติดปัญหาท้องถิ่นไม่มีอำนาจและงบประมาณ
![](http://www.sakhononline.com/report/2017/wp-content/uploads/2023/05/06.jpg)
ส่วนเรื่องการหาเสียงสื่อสารกับประชาชน ณัฐพงษ์เผยว่ามีทั้งแบบ online ตามช่องทางต่าง ๆ สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทั้งคนรุ่นใหม่และกลุ่มต่าง ๆ พยายามจำกัดวง (localized) นโยบายของพรรคก้าวไกลให้สอดคล้องกับจังหวัดฯ และพบปะกับประชาชนโดยตรง และ on ground การเดินลงพื้นที่ คือไม่ใช่แค่แจกแผ่นพับ แต่ไปสำรวจพื้นที่ว่าแต่ละตำบลและหมู่บ้านเจอปัญหาอะไรบ้าง เช่น เรื่องปัญหาประมง เรื่องน้ำประปาไม่ไหลหรือไหลน้อยในบางพื้นที่ แล้วในฐานะผู้แทนราษฎรจะไปส่งเสียงอย่างไร และจะไปสะท้อนกับนโยบายของพรรคการเมืองว่าจะตอบโจทย์อย่างไร
สำหรับการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ปี 2562 ที่อดีตพรรคอนาคตใหม่ (พรรคก้าวไกลในปัจจุบัน) สมุทรสาครได้ ส.ส. เข้าไปในสภา 2 คน แต่กลับมีเรื่องทรยศเสียงของประชาชน หรือไม่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ในพื้นที่นั้น ณัฐพงษ์อธิบายว่า เลือกตั้งคราวที่แล้วทางพรรคฯ มีเวลาในการคัดสรรผู้สมัคร ส.ส. น้อยมาก แล้วระบบเลือกตั้งเป็นแบบบัตรใบเดียว ต้องรีบส่งผู้สมัครให้ครบ 350 เขต ก็เลยเกิดปรากฏการณ์งูเห่า ได้คนที่ไม่ตรงกับอุดมการณ์ แต่ตนเชื่อว่าตอนนี้มีเวลาในการทำงาน ผ่านการเรียนรู้ทดลองงาน คัดสรรมาเป็นอย่างดี คิดว่าโอกาสในการมีงูเห่าน่าจะน้อยมาก ส่วนตัวเองมั่นใจว่าจะไม่เป็นงูเห่าอย่างแน่นอน
![](http://www.sakhononline.com/report/2017/wp-content/uploads/2023/05/05.jpg)
ส่วนเรื่องการทำงานเชิงประจักษ์ ตนอยากให้มองการทำงานของพรรคก้าวไกล การอภิปรายไม่ไว้วางใจ การเปิดข้อมูลใหม่ หรือเข้าไปเสนอแนะอะไรต่าง ๆ ตนคิดว่าทำได้ดีมาก ซึ่ง ส.ส. สมุทรสาครของพรรคก้าวไกล เป็นข้อดีที่ไม่ได้เป็นงูเห่า เวลามีญัตติหรือโหวตอะไรก็ทำตามมติของพรรคมาโดยตลอด และในกลไกกรรมาธิการก็ทำหน้าที่ ซึ่งในระดับพรรคก็ทำงานได้ดีพอสมควร ส่วนในระดับพื้นที่ ตนเองเป็นคนสมุทรสาคร ตั้งใจมาทำงานและอยากที่จะเข้าผลักดันแก้ไขเรื่องต่าง ๆ เรียนลัดทางการเมืองมา เห็นกลไกในการทำงานสภา เชื่อว่าตนเองคงจะมาทำอะไรในพื้นที่ได้พอสมควร เห็นภาพใหญ่ประเทศ เดินทางทั่วประเทศ รู้จักกับนักการเมืองระดับหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคมา คิดว่าประสบการณ์ของตนเองคงจะมาทำอะไรได้อีกเยอะ
![](http://www.sakhononline.com/report/2017/wp-content/uploads/2023/05/18.jpg)
สำหรับสถิติผู้ที่ได้รับเลือกเป็น ส.ส. สมุทรสาคร อายุน้อยที่สุดเท่าที่ “สาครออนไลน์” ได้มีการสำรวจไว้ คือ “ปลัดแต” อุดม ไกรวัตนุสสรณ์ นายก อบจ.สมุทรสาคร ในปัจจุบัน ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2538 ด้วยวัย 27 ปี 11 เดือน 16 วัน
แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ ชาวสมุทรสาครจะได้มีผู้แทนราษฎรเป็นคนรุ่นใหม่อีกครั้งหรือไม่ อีกไม่กี่อึดใจเราก็จะได้คำตอบกัน
-กิตติกร นาคทอง-